Wednesday, February 4, 2015

ระบบป้องกันภัยทางอากาศระยะกลาง (ต่อ)

วันนี้มาว่ากันต่อในเรื่องการจัดหาระบบป้องกันภัยทางอากาศฯ ของกองทัพบก ภายใต้โครงการจัดหาระบบอาวุธปืนต่อสู้อากาศยานระยะปานกลาง-ไกล (ย้อนอ่านเรื่องนี้กันได้ที่ http://monsoonphotonews.blogspot.com/2014/07/blog-post.html)



จากประเด็นในบทความเดือนก.ค.2014 ก่อนหน้านี้ คือ
จุดที่น่าสังเกตในครั้งนี้มีอยู่ 2 ประการ คือ
  1. ะบบป้องกันภัยทางอากาศระยะกลาง ภายใต้โครงการจัดหาระบบอาวุธปืนต่อสู้อากาศยานระยะปานกลาง-ไกลแบบที่ 1 
  2. งบประมาณ 53 ล้านยุโร
วันนี้จะมาว่ากันในประเด็น "งบประมาณ 53 ล้านยุโร" โดยจะมาวิเคราะห์ระบบป้องกันภัยทางอากาศระยะกลางที่เป็นของประเทศในยุโรปกัน ก็จากเหตุผลที่งบประมาณเป็นเงินสกุลยุโรของยุโรปนั้นเอง

9K37-1 Buk (SA11 Gadfly)
โดยการวิเคราะห์จะใช้ประเทศฟินแลนด์เป็นกรณีศึกษา ทั้งนี้เนื่องจากในปี 2009 ประเทศฟินแลนด์มีโครงการปรับปรุงระบบป้องกันภัยทางอากาศระยะกลาง (Medium Range Air Defense Missile System - MRADMS) ซึ่งจะนำมาทดแทนระบบป้องกันภัยฯ 9K37-M1 Buk (นาโต้ให้นามเรียกขานว่า SA-11 ‘Gadfly’) ที่ได้รับจากรัสเซียแทนการชำระหนี้เมื่อปี 2006

โครงการ MRADMS ได้คัดเลือกระบบที่มีคุณสมบัติตามความต้องการจนเหลือผู้แข่งขันอยู่ 2 ราย คือ
  1. NASAMS II ของ Kongsberg ประเทศนอร์เวย์
  2. SAMP/T ของ MBDA บริษัทร่วมยุโรป

ระบบ SAMP/T – Surface-to-Air Missile Platform/Terrain ของ MBDA  ระบบนี้ก็คือรุ่นภาคพื้นของระบบป้องกันภัยฯบนเรือที่ใช้จรวด Aster 30 นั่นเอง ประเทศเพื่อนบ้านของเราที่ซื้อระบบนี้ไปใช้ก็คือ สิงคโปร์
SAMP/T
แต่ระบบที่ชนะโครงการ MRADMS คือ ระบบ NASAMS II - National Advanced Surface-to-Air Missile System 2 ของ Kongsberg แต่ตามระบบของประเทศฟินแลนด์ เขาเรียกมันว่า "ItO12"



หลักของระบบ NASAMS II คือการทำงานร่วมกันของเรด้าห์คลื่น X band แบบ 3D – AN/MPQ-64 F1 กับจรวดแอมราม AIM-120
ท่อยิง AIM-120 กับ AN/MPQ-64
รถเรด้าห์ EADS TRML-3D
อย่างไรก็ตามระบบ NASAMS มีความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงานและสามารถใช้ร่วมกับเรด้าห์รุ่นอื่นๆ ได้ เช่น 
ประเทศสวีเดนใช้ระบบควบคุมและสั่งการ NASAMS II เป็น GBADOC - Ground Based Air Defence Operation Centre กำกับเรด้าห์ Giraffe และระบบจรวดป้องกันภัยทางอากาศต่าง รวมทั้ง BAMSE และ RBS-70

ประเทศกรีกและตุรกีก็ใช้ระบบ NASAMS ในลักษณะเดียวกันนี้กับ Hawk XXI

ส่วนประเทศเนเธอร์แลนด์ใช้ระบบ NASAMS กับรถเรด้าห์เคลื่อนที่ EADS TRML-3D

นอกจากนี้ลูกจรวดก็สามารถใช้รุ่นอื่นๆ ได้อีกด้วย เช่น ESSM, AIM-9 Sidewinder, AIM-120C7 AMRAAM และ Indegenous

แม้ว่าระยะยิงสูงสุด 25 กิโลเมตรและเพดานยิงสูงสุด 15,000 ฟุตของ NASAMS จะน้อยกว่า Aster 30 หรือแม้แต่ SA-11 อีกทั้งประสิทธิภาพระบบโดยรวมก็ด้อยกว่า SAMP/T 


Electro Optical MSP600
แต่ข้อดีของมันคือระบบเรด้าห์หลักบนภาคพื้นไม่ต้องชี้เป้าเมื่อเป้าหมายเข้ามาในระยะเรด้าห์ของตัวจรวด แบบว่ายิงแลtลืม (Fire & Forget)

นอกจากนี้ถึงแม้ว่าระบบเรด้าห์หลักจะถูกก่อกวนจากฝ่ายตรงข้าม NASAMS II ก็สามารถยิงได้โดยใช้ระบบ Electro Optical MSP 600

ข้อดีอีกประการหนึ่งของมันก็คือราคาถูกกว่า SAMP/T ราวเท่าตัว ทำให้จัดหาจำนวนระบบได้มากกว่า

ประการสุดท้ายที่ทำให้ระบบ NASAMS ชนะ SAMP/T ในการแข่งขันก็คือ ระบบเครือข่าย กล่าวคือศูนย์ควบคุมการยิงและอำนวยการรบของ NASAMS สามารถปฏิบัติการ BMC4I (Battle Management Command, Control, Communications, Computers และ Intelligence)โดยส่งถ่ายข้อมูลได้หลากหลายแบบ คือ Link16, JRE, Link11. Link11B, LLAPI และ ATDL1

จากที่กล่าวมาข้างต้น ระบบ NASAMS II นี้นับว่าน่าจับตามองอย่างยิ่ง เนื่องจากหลายๆ อย่างในระบบนี้มีความเหมาะสมกับประเทศไทย ดังนี้

จรวดที่ใช้คือจรวดแอมราม ซึ่งกองทัพอากาศของเราก็มีประจำการใช้อยู่ ดังนั้นหากจรวดของทบ.หมดก็หยิบยืมของทอ.มาใช้ได้

ระบบมีความยืดหยุ่นสามารถเชื่อมต่อกับเรด้าห์ Giraffe ได้ และส่งถ่ายข้อมูลได้หลายรูปแบบ อันจะเป็นประโยชน์ต่อระบบ Network Centrics Warfare ของไทย
รถควบคมการยิงและอำนวยการรบ
สำหรับราคาของระบบ NASAMS นั้นเท่าที่ขุดค้นดูพบจากเว็บ deagel ว่าราคา US$50 ล้าน ก็ประมาณ 44 ล้านยุโร อีกเว็บหนึ่งว่าราคาประมาณในปี 2000 ระบบละ US$14 ล้าน(ประมาณ 12.4 ล้านยุโร)

ในปี 2010 ประเทศชิลีจะซื้อ NASAMS จำนวน 3 กองพันราคาเริ่มต้นที่ $100 ล้าน ลองมาคำนวณดูราคาขั้นต่ำที่ประเทศชิลีจะซื้อ ดังนี้ NASAMS จำนวน 1 กองพันประกอบด้วย 3 ระบบ ดังนั้น 3 กองพันจะประกอบไปด้วย 9 ระบบ

ถ้าเอาราคาขั้นต่ำ $100 ล้าน ตั้งแล้วหารด้วยจำนวน 
ระบบก็จะได้ $33.33 ล้าน เพราะฉะนั้นราคาขั้นต่ำของระบบ NASAMS ในปี 2010 คือราวๆ $33.33 ล้าน(29.5 ล้านยุโร) ผ่านมา 5 ปี ราคาต้องสูงกว่าปี 2010 แต่ก็น่าจะอยู่ในข่ายที่สามารถจัดซื้อได้ภายในงบฯที่ตั้งไว้

******************************

อย่างไรก็ตามนอกจากกณรณีศึกษาการจัดหาของประเทศฟินแลนด์แล้ว ก็ยังมีระบบป้องกันภัยทางอากาศระยะกลางอีกระบบหนึ่งที่น่าจะอยู่ในการพิจารณาของกองทัพบก

ระบบนั่นคือ RBS-23 BAMSE ของบ. Saab ประเทศสวีเดน

RBS 23 BAMSE
BAMSE เป็นระบบปัองกันภัยทางอากาศทุกสภาพกาลอากาศ ถูกออกแบบมาเพื่อให้ต่อต้านเป้าหมายเล็กๆ ที่รวดเร็วอย่าเช่น จรวดมิสไซด์ จรวดต่อต้านเรด้าห์ ยาน UAV มันเข้าหาเป้าหมายที่อยู่ในเพดานบินสูง

ระบบควบคุมและตรวจการณ์ของ BAMSE อยู่บนรถบรรทุกประกอบด้วยเรด้าห์ตรวจการณ์อิริคสันแบบ 3มิติ ย่าน C band - Giraffe AMB และเสาอากาศสูง 8 – 13 เมตร นอกจากนี้ยังมีระบบจำลองการรบสำหรับภารกิจฝึกซ้อม



RBS-23
ฐานยิง RBS 23 กับรถลากจูง
ระบบควบคุมการยิงจรวดอยู่บนฐานลากจูง ประกอบด้วยคอมพิวเตอร์สองชุด เสาเรด้าห์ควบคุมการยิงอิริคสันย่าน Ka b and - Eagle ความสูง 8 เมตร มีตัวติดตามและตรวจจับความร้อน IRST พร้อมระบบพิสูจน์ฝ่าย ตัวตรวจวัดสภาพอากาศ และจรวด RBS 23 จำนวน 6 ลูก

ตัวจรวด RBS 23 สามารถยิงได้ไกลถึง 20 กิโลเมตร และยิงได้ถึงระดับความสูง 15,000 เมตร


สำหรับประเทศที่ใช้ BAMSE ตอนนี้มีเพียงแค่สวีเดนเพียงประเทศเดียวเพราะสวีเดนยังไม่ยอมขายให้ประเทศใด 

แต่
NASAMS มีผู้ใช้ระบบนี้ถึง 10 ประเทศ คือ นอร์เวย์ สหรัฐ สวีเดน โปแลนด์ กรีซ ตุรกี ฟินแดนล์ สเปน เนเธอร์แลนด์ และล่าสุดปีที่แล้ว(2014) ประเทศโอมาน สั่งซื้อมูลค่า $1.28 พันล้าน ซึ่งยังไม่ปรากฎรายละเอียดเปิดเผยออกมา แต่มูลค่านี้จะรวมทั้งการซ่อมบำรุง การสนับสนุน การฝึกอบรม ฯลฯ



แม้ว่าโดยภาพรวมแล้วระบบ BAMSE จะด้อยและราคาแพงกว่าระบบ NASAMS แต่เนื่องจากมันเป็นสินค้าของบริษัทที่สามารถเจาะตลาดในประเทศไทยได้แล้ว ผมจึงจัดระบบนี้ให้อยู่ในข่ายที่ต้องจับตาดูด้วยอีกระบบหนึ่ง เพราะสวีเดนอาจจะยอมขายให้ไทยเป็นประเทศแรกก็เป็นได้


*********************************


หมายเหตุ เพิ่งจะเห็นว่า บ.ก.สมพงษ์ นนท์อาสา ยืนยันไว้ในเฟสบุ้คเมื่อวันที่ 9 กันยาน 2556 ว่าทบ.เลือกซื้อ VL Mica



คุณลักษณะของ VL Mica SHORAD - Short Range Air Defense






No comments:

Post a Comment