Thursday, September 29, 2016

อินเดีย เสือกระดาษ

เห็นข่าวอินเดียลงนามจัดซื้อเครื่องบิน Rafale ของฝรั่งเศสจำนวน 36 ลำ ก็ดีใจด้วยที่บางส่วนของโครงการจัดหาเครื่องบินที่ยาวนานของอินเดียจบลงได้เสียที
พิธีลงนามในสัญญาซื้อบ.Rafale
แต่ก็ใช่ว่าจะจบแบบสวยงามเพราะการจัดหาครั้งนี้ใช้งบประมาณ 8.7 พันล้านเหรียญได้เครื่องบิน Rafale มา 36 ลำโดยไม่มีการถ่ายทอดเทคโนโลยี่ ถ้าอินเดียซื้อตั้งแต่ปีพ.ศ.2555 ที่จำนวน 126 ลำในราคาหมื่นสองพันล้านหรือหมื่นห้าพันล้านเหรียญ ก็ได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยี่ไปแล้ว มันพอจะเข้าทางกับสุภาษิตไทยที่ว่า "เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย"

อินเดียเพิ่งจะตกลงซื้อเครื่องบินขับไล่ทวิบทชั้นนำที่ทรงพลานุภาพแบบหนึ่งของโลกไป ทำไมถึงขึ้นหัวเรื่องว่า อินเดีย เสือกระดาษ ทั้งนี้ก็เพราะนิตยสาร The Economist ของเอเซียได้รายงานบทความในเรื่องนี้ไว้ดังนี้
คลิกที่ภาพเพื่อขยาย
ความอ่อนแอของอินเดียเกิดจากปัญหารุมเร้าสารพัดตั้งแต่อาวุธล้าสมัยจนไปถึงการคอรัปชั่นอย่างใหญ่หลวง

แม้ว่าอินเดียจะเป็นอันดับต้นๆ ในบัญชีประเทศที่นำเข้าอาวุธรายใหญ่ของโลกตั้งแต่ปีพ.ศ.2553 เป็นที่รวมอาวุธอันน่าสพึงกลัวต่างๆ รวมทั้งเครื่องบินของรัสเซ๊ย จรวดของอิสราเอล เครื่องบินลำเลียงของอเมริกา และเรือดำน้ำของฝรั่งเศส (ตอนนี้คงต้องรวมเครื่องบินเข้าไปด้วย) อีกทั้งอาวุธของรัฐวิสาหกิจภายในประเทศ
เครื่องบิน Rafale
แต่อาวุธส่วนใหญ่ที่อินเดียมีใช้อยู่นั้นถ้าไม่ล้าสมัย ก็ขาดการบำรุงรักษา  กองทัพอากาศจัดอยู่ในช่วงวิกฤตเพราะเครื่องบินส่วนใหญ่เป็นเครื่องบินโบราณในยุค 1970 (พ.ศ. 2509) และอาจต้องใช้เวลาถึงสิบปีในการปรับปรุงกองทัพอากาศ

ตามเอกสาร กองทัพอากาศของอินเดียยิ่งใหญ่เป็นอันดับสี่ของโลก มีเครื่องบินประจำราวสองพันลำแต่รายงานภายในของ IHS Jane's ในปีพ.ศ.2557 เผยให้เห็นว่ามีเครื่องบินจำนวนเพียง 60% เท่านั้้นที่สามารถขึ้นบินได้

มีรายงานจากหน่วยงานบัญชีของรัฐบาลเมื่อต้นปีนี้ ประมาณการว่าเครื่องบิน Mig 29K จำนวน 45 ลำมีความพร้อมอยู่ในช่วงระหว่าง 16% - 38% แปลว่า Mig 29K มีแค่ 7 - 17 ลำเท่านั้นที่สามารถขึ้นบิน

สำหรับย่อหน้านี้ ผมชอบใจที่สุด
India’s air force has spent 16 years perusing fighter aircraft
to replace ageing Soviet era models.
By demanding over ambitious specifications, bargain prices, hard to meet local content quotas and so on, it has left foreign manufacturers “banging heads against the wall”, in the words of one Indian military analyst.
 กองทัพอากาศอินเดียใช้เวลาสิบหกปีในการจัดหาเครื่องบินมาทดแทนเครื่องบินล้าสมัยยุคสหภาพโซเวียต โดยต้องการคุณภาพแบบราชา ในราคาแบบยาจก ทำให้ผู้ผลิตเครื่องบินต่างๆ ต้องเอาหัวโขกกำแพง กันเป็นแถวๆ

กองทัพบก็มีเรื่องอื้อฉาวไม่แพ้กัน ปัญหาเรื่องคอรัปชั่นมีมาตลอดตั้งแต่ในอดีต เมื่อเร็วๆ นี้ผู้คนก็ขู่จะฟ้องร้องเกี่ยวกับการแต่งตั้งนายพลและการจ่ายเงินส่วนเกิน อีกทั้งให้นายทหารลดน้ำหนัก

ปัญหาลึกๆ ของกองทัพอินเดียก็คือโครงสร้าง ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยกล่าวว่าความยุ่งยากคือพวกเขาทำงานโดยแบ่งแยกศักดินา ไม่มีการพูดคุยต่อกัน แถมข้าราชการในกระทรวงกลาโหมก็ไม่คุยกับทหาร

ที่พิลึกคือไม่มีทหารแม้แต่คนเดียวทำงานในกระทรวงกลาโหมเลย รัฐมนตรีกลาโหมก็มาจากข้าราชการและนักการเมืองที่มุ่งหวังแต่คะแนนเสียง

บทสรุปของรายงานชิ้นนี้คือ "แม้จะมีการเจริญเติบโตของกล้ามเนื้อ แต่กองทัพอินเดียก็ยังขาดสมอง "

อ่านแล้วก็อึ้ง แต่ที่พิศวงมากก็คือ กระทรวงกลาโหมมีแต่ข้าราชการพลเรือนและนักการเมือง ไม่มีทหารแม้แต่คนเดียว
สำหรับอินเดียนั้นอาจจะเป็นเสือกระดาษในสายตาของประเทศที่ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ด้วยกัน แต่สำหรับประเทศที่ไม่มีอาวุธนิวเคลียร์อย่างประเทศไทย อินเดียคงไม่ใช่เสือกระดาษอย่างแน่นอน


อัพเดท 18 ตุลาคม 2559

เดือนนี้ตั้งแต่ต้นเดือนยังไม่มีหัวเรื่องดีให้หยิบมาเขียนเลย แล้วต้องมาพบข่าวที่โศกเศร้าที่สุดในชีวิตในวันที่ 13 ตุลาคมอีก ยิ่งทำให้สมองตีบตัน

แต่อย่างไรก็ตาม "ชีวิตต้องดำเนินต่อไป" The show must go on

ก็หยิบข่าวเล็กๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับบทความนี้มาอัพเดทกัน เนื่องด้วย รมต.กลาโหมอินเดียนาย  Defence minister Manohar Parrikar (พลเรือน) ได้เคยพูดเกี่ยวกับกองทัพอินเดียไว้ว่า “Indian troops were like Hanuman who did not quite know their prowess before the surgical strikes”.
ทหารอินเดียเหมือนกับหนุมานผู้ที่ไม่รู้จักฤทธิ์เดชของตนเองก่อนการโจมตีแบบจำกัดพื้นที่
เป็นผลทำให้สภาคองเกรสของอินเดียสั่งให้นายกรัฐมนตรี Narendra Modi ออกมาขอโทษต่อกองทัพและให้สาบานต่อสาธารณะว่าจะไม่นำการเสียสละชองกองทัพมาใช้หาประโยชน์ทางการเมือง


No comments:

Post a Comment