Thursday, August 2, 2018

พ.ท.นพ.ภาคย์ โลหารชุน หมอที่แกร่งที่สุดในปฐพี

วันนี้ขอนำเสนอเรื่องราวของบุคคลที่เป็นที่รู้จักกันในแวดวงทหารและผู้สนใจติดตามข่าวทหารมาช้านาน และสำหรับคนทั่วๆ ไปแล้วนั้น เพิ่งจะรู้จักเขาจากกรณีผู้ประสบภัยติดอยู่ในถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ทีมนักเตะหมูป่าอะคาเดมี่กับโค้ช
บุคคลที่จะแนะนำนั้นก็คือ ..นพ.ภาคย์ โลหารชุน หรือ หมอภาคย์

..นพ.ภาคย์ โลหารชุน หรือ หมอภาคย์ เป็นผู้บังคับกองพันเสนารักษ์ที่

ประวัติเส้นทางความแกร่งของ พ..นพ.ภาคย์ โลหารชุน หรือ ‘หมอภาคย์’ เจ้าของฉายา ‘มนุษย์ที่แกร่งที่สุดในปฐพี’ ต้องบอกว่าไม่ธรรมดาเพราะเป็นหมอทหารที่พิชิตทุกหลักสูตรรบพิเศษที่มีในเมืองไทย

..นพ. ภาคย์ โลหารชุน ชื่อเล่น พุฒ อายุ 39 ปี เป็นชาวกรุงเทพมหานคร คุณพ่อคุณแม่เป็นหมอ มีพี่ชาย 1 คนเป็นหมอทหาร จบการศึกษาจากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา และสอบเข้าวิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า รุ่นที่ 23

ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง ผู้บังคับกองพันเสนารักษ์ที่
ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ .นครราชสีมา 
นอกจากนี้ยังเป็นที่รู้จักในนาม “นักล่าเครื่องหมาย” เนื่องจากเข้าอบรมหลักสูตรต่างๆ ของทางกองทัพมาเป็นจำนวนมาก

สำหรับหลักสูตรที่ฝึกอบรมสำเร็จ มีดังนี้
  • หลักสูตรส่งทางอากาศ AIRBORNE (รร.ศสพ.) รุ่นที่ 229 
  • หลักสูตรจู่โจม RANGER (รุ่นทั่วไป) รร..ศร. รุ่นที่ 86 
  • หลักสูตรนักทำลายใต้น้ำจู่โจม (มนุษย์กบ) SEAL/UDT รุ่นที่ 34 
  • หลักสูตรรีคอน RECON รุ่นที่ 38 
  • หลักสูตรการปฏิบัติการพิเศษ SPECIAL OPERATION รุ่นที่ 6 (คอมมานโด รุ่นที่ 17 + พีเจ รุ่นที่ 9) เสนาธิการทหารบก ชุดที่ 91
  • หลักสูตรทหารเสือราชินี

ประวัติการปฏิบัติราชการสนาม 
  • นายแพทย์กองกำลัง ไทย-อิรัก 976 ผลัดที่ 2 ปี2547 
  • นายแพทย์กองกำลังสันติสุข 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ปี2549 
  • นายทหารฝ่ายเสธ ศูนย์แพทย์ทหารบก จังหวัดชายแดนภาคใต้ ปี2557


สำหรับรายละเอียดนั้น ผมขอคัดลอกบทสัมภาษณ์จากนสพ.ไทยรัฐ ฉบับวันที่ 28 .. 2557 มาเสนอดังนี้

คุณหมอนักล่าเครื่องหมายคนแรกในประเทศ! เป็นเรื่องที่น่าสงสัยว่า ทำไมเป็นหมอแล้วจึงต้องมาฝึกการรบเยอะขนาดนี้ .. หมอภาคย์ ตอบอย่างจริงจังว่า "หากไม่มีหมอที่เรียนรู้เรื่องรบพิเศษ ก็จะไม่สามารถนำความรู้มาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับบุคลากรการรบพิเศษได้ และเมื่อได้ไปเรียนรู้ลักษณะงานของแต่ละหน่วย ทำให้ประยุกต์ใช้ความรู้ทางการแพทย์ การรักษาพยาบาลเข้ามารวมกัน และยังสามารถแนะนำบุคลากรท่านอื่นๆ ได้อีกด้วย"


ที่ผ่านมา มีรุ่นพี่ของหมอภาคย์ที่เรียนแพทย์พระมงกุฎ ได้ฝึกหลักสูตรจู่โจมพอสมควร แต่สำหรับหลักสูตรที่เหลือ ยังไม่มีใครเรียน เพราะฉะนั้น หมอภาคย์เป็นคนแรกที่เป็นหมอนักรบล่าเครื่องหมายเต็มอกเช่นนี้

ก้าวแรกสู่...หลักสูตรส่งทางอากาศ AIRBORNE

ตอนเรียนแพทย์ทหารชั้นปีที่ 3 หมอภาคย์ได้ไปเรียนหลักสูตรส่งทางอากาศร่วมกับนักเรียนนายร้อย จปร. และได้เห็นภาวะความเป็นผู้นำ จึงรู้สึกชอบที่โรงเรียนนายร้อย จปร.ผลิตบุคลากรออกมาได้ยอดเยี่ยม หมอภาคย์เลยใฝ่ฝันว่า พระมงกุฎจะต้องมีแบบอย่างที่ดี เพราะว่าเมื่อจบมาก็ต้องเป็นผู้บังคับหน่วยเหมือนกัน เป็นเหตุให้เริ่มชอบการฝึกทหารตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ทำให้รู้สึกสนุกและมีความสุข รวมทั้งยังได้เพื่อนทีมีความรักใคร่กลมเกลียวกันอีกด้วย

ก้าวที่สอง...หลักสูตรจู่โจม RANGER เสือคาบดาบว่ากันว่า..โหดสุดของ ทบ.!



หลังจากเรียนจบแพทย์พระมงกุฎ หมอภาคย์ได้ไปบรรจุที่กองพันรบพิเศษที่ 1 กรมรบพิเศษที่ 5 และมีหลักสูตรพื้นฐาน คือ ร่มกับจู่โจม แต่ร่มเรียนจบแล้ว หมอภาคย์ต้องไปเรียนจู่โจม หรือเสือคาบดาบ ซึ่งช่วงที่ไปเรียนเป็นอาวุโสสูงสุดในรุ่น จึงถูกมอบหมายให้เป็นหัวหน้านักเรียน การเรียนหลักสูตรจู่โจมจะใช้เวลา 10 สัปดาห์ แบ่งเป็น 4 ภาค คือ ภาคที่ตั้ง ภาคป่าที่ราบ ภาคป่าภูเขา ภาคป่าที่ลุ่มทะเล มีทั้งการลาดตระเวน การอ่านแผนที่ เข็มทิศ การใช้อาวุธ การซุ่มโจมตี ความโหดอยู่ตรงที่ต้องว่ายลงในทะเลโคลนหลายกิโลเมตร ตะเกียกตะกายร่วม 5 ชม. กว่าจะขึ้นฝั่งได้ อีกทั้งยังมีลอยคอในทะล เพื่อว่ายเข้าหาฝั่งไกลกว่า 2 ไมล์ทะเล และต้องเดินทางเข้าโจมตีข้าศึกอีกด้วย

หมอภาคย์ เล่าว่า "หลักสูตรจู่โจมสอนทั้งวิชาการและภาคปฏิบัติ จะมีภาคทะเล ซึ่งมีครูมนุษย์กบมาสอน ได้เห็นถึงความเข้มแข็งของครูแล้วโดนใจ ก็เลยเป็นความฝันเก็บไว้ในใจว่าเราจะต้องเป็นหนึ่งในนั้นให้ได้ หลักสูตรจู่โจมทำให้เรามีความเป็นผู้นำหน่วย ได้เรียนรู้การใช้ชีวิตร่วมกับทีมงาน และยังทำให้มีความรับผิดชอบเพิ่มมากขึ้นด้วย"

ก้าวที่สาม...หลักสูตรนักทำลายใต้น้ำจู่โจม SEAL/UDT มนุษย์กบ..แกร่งสุดของ ทร. !



หลักสูตร นักทำลายใต้น้ำจู่โจม (SEAL) หรือ "มนุษย์กบ" ถือเป็นหลักสูตรที่โหด แกร่ง ท้าทาย และหนักที่สุดในบรรดา หลักสูตรหน่วยรบพิเศษของกองทัพไทย เพราะภารกิจที่ได้รับมักจะอันตรายและถูกกดดันทางร่างกาย จิตใจมากที่สุด เป็นการเรียนความรู้ทั้งหมดที่หน่วยรบพิเศษควรจะรู้ ไม่ว่าจะเป็นดำน้ำ ยิงปืน ระเบิดทำลาย การลาดตระเวน และอื่นๆ

ก่อนที่หมอภาคย์ เรียนหลักสูตรมนุษย์กบเป็นหลักสูตรที่เรียนหนักที่สุดถึง 7 เดือน และด้วยความอาวุโสในรุ่น จึงได้เป็นหัวหน้านักเรียนอีกเช่นเคย นอกจากจะมีการทดสอบร่างกายอย่างหนักหน่วง ทั้งแบกเรือยาง แบกซุงขึ้นเขา มัดมือมัดข้อเท้าว่ายน้ำ แล้วยังมีการทดสอบจิตใจที่ต้องเอาชนะความเหนื่อย เพลีย ง่วง หิวให้ได้ รวมไปถึงปัญหาการถูกจับเป็นเชลย โดนกระบวนการรีดข่าวสุดโหดจากบรรดาครูฝึก และเมื่อเข้าสู่การฝึกภาคทะเล ก็จะมีภารกิจมาให้ฝึกฝน โดยต้องพิชิตให้สำเร็จให้ได้ ซึ่งจะเกิดภาวะกดดันกลัวทำไมได้ เพราะหากอยู่ในสถานการณ์จริง เมื่อภารกิจล้มเหลวนั้น อาจหมายถึงชีวิต!

หมอภาคย์ เล่าถึงสัปดาห์นรกที่เคยเผชิญผ่านมาแล้วว่า "ใช้เวลา 120 ชม. โดยไม่มีการพัก ต้องใช้พลังกายและพลังใจสูงมาก เริ่มตั้งแต่เที่ยงคืน ครูฝึกจะไปปลุกโดยการยิงปืนจุดประทัดใช้ระเบิดควันในโรงนอนและลงมารวมตัวกัน ก่อนสั่งให้ลง 'กระทะทองเย็น' ซึ่งเป็นบ่อที่มีน้ำทะเลใส่น้ำแข็งก้อนโต อุณหภูมิโดยประมาณ 0 องศาเซลเซียส หรือต่ำกว่านั้น โดยถอดเสื้อผ้าออกหมดเหลือเพียงกางเกงสเตย์ขาสั้นลงไปแช่ 3-4 นาที จากนั้นขึ้นมาออกกำลังกาย เพื่อให้ร่างกายอบอุ่นและลงไปแช่ในบ่อใหม่ ทำอย่างนี้ทั้งหมด 3 รอบ"

สุดท้ายแล้ว ผู้ที่ฝึกรุ่นหมอภาคย์จากเกือบ 100 คน เหลือยอดมนุษย์กบเพียง 32 คนเท่านั้น ที่ได้รับเครื่องหมายนักทำลายใต้น้ำจู่โจม รูปฉลามคู่กับเกลียวคลื่น

ก้าวที่สี่...หลักสูตรรีคอน RECON นักรบเลือดเหล็ก..โหด มัน ฮา!



กองพันลาดตระเวนสะเทินน้ำสะเทินบก เป็นหน่วยรบพิเศษ ของหน่วยนาวิกโยธิน แห่งกองทัพเรือ ใช้เวลาฝึก 14 สัปดาห์ แบ่งเป็นภาคที่ตั้ง 5 สัปดาห์ ภาคทะเล 4 สัปดาห์ และภาคป่าภูเขา 4 สัปดาห์ โดยจะเป็นการลาดตระเวนระยะไกล จะปฏิบัติภารกิจใกล้ชายฝั่งทะเลมีการใช้เรือยาง การเดินป่า การดำรงชีพในป่า การเข้าโจมตี

หมอภาคย์ เผยว่า ความโหดคือ การฝึกร่างกาย โดยการแบกซุงลงทะเล เดินไปมาหลายชั่วโมง แบกเรือยาง เดินป่า สารพัดวิธีจนร่างกายอ่อนล้า ส่วนความมัน คือ การได้ทำภารกิจเป็นทีมเข้าตีศัตรู พายเรือไปตามเกาะต่างๆ รวมไปถึงการล่องใต้เพื่อไปฝึกภาคทะเล โดยการนั่งเรือออกไปกลางทะเลแล้วพายเรือยางกลับเข้าฝั่ง เพื่อปฏิบัติภารกิจในการลาดตระเวน สำหรับความฮานั้น ครูฝึกจะมีมุกมาเล่นตลอด เรียกได้ว่า 'ฮาแบบปนหยาดเหงื่อและน้ำตา'

ก้าวที่ห้า...หลักสูตรการปฏิบัติการพิเศษ SPECIAL OPERATION (Commando&PJ)



หลักสูตรการปฏิบัติการพิเศษ เป็นการผสมรวมระหว่าง เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการพิเศษ (Commando) และ เจ้าหน้าที่ค้นหาและช่วยชีวิต (Pararescue Jumpers) ใช้เวลาในการฝึก 6 เดือน และก็เป็นอีกหลักสูตรหนึ่งที่หมอภาคย์ได้เป็นหัวหน้านักเรียนอีกเช่นกัน

หมอภาคย์ อธิบายถึงหลักสูตรนี้ว่า "Commando จะเน้นการสู้รบในเมือง เป็นหลักสูตรที่มีการวิ่งเยอะมาก เคยพูดเล่นๆกับครูฝึกว่า เหมือนเก็บตัววิ่งทีมชาติเลย' นอกจากนี้ ยังมีการยิงปืนที่แม่นมาก ซึ่งตอนแรกที่ไปฝึกยิ่งไม่แม่น แต่ตอนนี้ก็ยังไม่แน่ใจ (หัวเราะ) ส่วน PJ มีหน้าที่ค้นหาและกู้ภัย ในพื้นที่เข้าถึงลำบาก เช่น ฮ.ตก เครื่องบินตก พื้นที่ป่าเขา จำเป็นที่จะต้องกระโดดร่มไปช่วย และต้องมีความสามารถในการปฐมพยาบาลช่วยเหลือผู้บาดเจ็บได้ พร้อมกับความสามารถในการเดินป่า"

ก้าวสุดท้ายที่กำลังจะคว้ามา...ทหารเสือราชินี เกียรติประวัติอันสูงสุด



ผู้ที่สำเร็จการฝึกหลักสูตรทหารเสือทุกนาย จะได้รับพระราชทานเครื่องหมายแสดงขีดความสามารถทหารเสือ จากสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ องค์ผู้บังคับการพิเศษ กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ ซึ่งเป็นที่ภาคภูมิใจและเป็นเกียรติประวัติแก่วงศ์ตระกูลเป็นอย่างมาก ซึ่งหมอภาคย์ตั้งใจไว้ว่าจะทำให้

หมอภาคย์ ชี้แจงว่า "ตอนนี้มีหน้าที่หลักต้องรับผิดชอบดูแลชีวิตกำลังพล และเพิ่งมารับตำแหน่งได้ไม่นาน จึงต้องทำภารกิจให้ลุล่วงไปก่อน ถ้ามีจังหวะดีๆ เมื่อไหร่ จะไปฝึกแน่นอน ขณะที่ผู้บังคับบัญชาท่านมีความเมตตา และมีความเป็นนักรบมาก ท่านได้อนุญาตให้ไปทดสอบร่างกายและก็ผ่านเรียบร้อย ท่านขอให้ปฏิบัติภารกิจในหน้าที่ที่รับผิดชอบส่วนนี้ให้เรียบร้อย ก่อนที่จะไปฝึกตามความใฝ่ฝัน"
***(อัพเดทข้อมูล : เนื่องจากบทสัมภาษณ์นี้เป็นการสัมภาษณ์เมื่อปลายปีพ.ศ.2557 ซึ่งในปัจจุบันหมอภาคย์ได้สำเร็จหลักสูตรทหารเสือราชินีไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อปีที่แล้ว)

นักล่าเครื่องหมาย...
-นักเรียนแพทย์ทหารวิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า รุ่นที่ 23
-หลักสูตรส่งทางอากาศ AIRBORNE (รร.ศสพ.) รุ่นที่ 229
-หลักสูตรจู่โจมRANGER (รุ่นทั่วไป) รร..ศร. รุ่นที่ 86
-หลักสูตรนักทำลายใต้น้ำจู่โจม (มนุษย์กบ) SEAL/UDT รุ่นที่ 34
-หลักสูตรรีคอน RECON รุ่นที่ 38
-หลักสูตรการปฏิบัติการพิเศษ SPECIAL OPERATION รุ่นที่ 6 (คอมมานโด รุ่นที่ 17 + พีเจ รุ่นที่ 9)
-เสนาธิการทหารบก ชุดที่ 91
***(อัพเดทข้อมูล : -หลักสูตรทหารเสือราชินี ปีพ.ศ.2560)
สำหรับรายละเอียดหลักสูตรรบพิเศษของไทย สามารถย้อนกลับไปอ่านกันได้ที่ http://monsoonphotonews.blogspot.com/2018/07/blog-post.html


*********************************

เครดิต : ขอขอบคุณข้อมูลจาก 
  • PPTVHD36
  • นสพ.ไทยรัฐ
  • Google

No comments:

Post a Comment