Tuesday, January 27, 2015

สาระจากภาพยนตร์ (America Hiking trails)

ช่วงนี้มีภาพยนตร์เกี่ยวกับการเดินทางที่น่าสนใจออกมาหลายเรื่อง เช่น Land Ho ออกฉายเมื่อกลางปีที่แล้ว เป็นเรื่องราวการเดินทางผจญภัยใน Iceland ของชายสูงอายุสองคน ซึ่งในภาพยนตร์ก็แสดงภาพวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของสถานที่ต่างๆ ใน Iceland
Land Ho
แต่...
สาระจากภาพยนตร์ที่จะกล่าวถึงในวันนี้ จะเป็นภาพยนตร์เรื่อง Wild ซึ่งเป็นภาพยนตร์ที่สร้างจากเรื่องราวจากประสบการณ์จริงตามหนังสือ Wild ของนักเดินทางหญิง Cheryl Strayed ที่เกิดขึ้นในปี 1995 ซึ่งได้เดินทางตามเส้นทาง Pacific Crest Trails (ในภาพยนตร์จะเรียกเป็นตัวย่อว่า PCT) เป็นระยะทาง 1.100 ไมล์ (1.770 กิโลเมตร) โดย Cheryl ได้เริ่มต้นเดินทางช่วงกลางๆ ของเส้นทาง PCT



ทั้งนี้ความยาวของเส้นทาง Pacific Crest Trails ทั้งหมดจริงๆ จะยาวรวม 2.663 ไมล์ (4.286 กิโลเมตร) โดยเริ่มจากใกล้เมือง Campo ในซานดิเอโก้ที่อยู่ริมชายแดนระหว่างสหรัฐฯ กับแม็กซิโก ขึ้นไปทางตอนเหนือผ่าน 3 รัฐคือ แคลิฟอเนีย โอเรกอน และไปสิ้นสุดที่ รัฐวอชิงตัน ณ ป่า Pasayten ซึ่งอยู่ติดกับชายแดนประเทศแคนาดา

Pacific Crest Trails
การเดินทางตลอดเส้นทางจะใช้เวลาประมาณ 5 เดือนโดยต้องเดินให้ได้วันละไม่น้อยกว่า 20 ไมล์ (32 กิโลเมตร) ฤดูการเดินทางจะเริ่มต้นในเดือน เมษายน หรือ พฤษภาคม และไปสิ้นสุดในปลายเดือนกันยายน ทั้งนี้หากเริ่มต้นก่อนหน้านี้จะประสบปัญหาน้ำป่าและหิมะในเทือกเขา Sierra Nevada และหากสิ้นสุดการเดินทางไม่ทันสิ้นเดือนกันยายนก็จะพบกับหิมะในเทือกเขา Northern Cascade
เขา ฺBaden Powell
สำหรับค่าใช้จ่ายระหว่างการเดินทางนั้น ควรมีเงินราว $6,000 เป็นค่าอาหารสำหรับ 5 เดือน ค่าอุปกรณ์การเดินทางต่างๆ รวมทั้ง Backpack ถุงนอน และเต็นท์ โดยนักเดินทางสามารถสั่งอุปกรณ์สิ่งของที่ต้องการให้ไปส่งที่จุดพักต่างๆ ในระหว่างการเดินทางได้


เส้นทาง PCT จะผ่านสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมต่างๆ ที่นักท่องเที่ยวทั่วไปก็สามารถเข้าถึงได้และใช้เวลาท่องเที่ยวสั้นๆ ตั้งแต่ ชั่วโมง วัน หรือแม้แต่พักค้างแรม เช่น เทือกเขา Baden Powell ใกล้เมืองลอสแองเจิลลีส. เทือกเขา Rainier และ Goat Rocks ใกล้เมืองซีแอตเทิล. Cascade Locks และสะพาน Bridge of the Gods ใกล้เมืองพอร์ทแลนด์ รัฐโอเรกอน ที่อยู่ฉากสุดท้ายในภาพยนตร์ Wild

Cascade Locks
Goat Rocks














นอกจากภาพยนตร์เรื่อง Wild แล้วก็ยังมีภาพยนตร์อีกเรื่องหนึ่งที่เกี่ยวกับการเดินป่าที่ยาวไกลแบบเดียวกันนี้ 
หนังสือ A Walk in the Woods

Appalachian Trail
นั่นก็คือภาพยนตร์เรื่อง A Walk in the Woods ที่สร้างจากเรื่องจริงตามหนังสือที่เขียนโดยนักเขียนการท่องเที่ยว Bill Bryson ในปี 1998 ซึ่งเขาได้เดินทางไปตามเส้นทาง Appalachian Trail กับเพื่อนของเขา

โรเบิร์ด เรดฟอร์ด ได้นำ A Walk in the Woods มาสร้างเป็นภาพยนตร์ กำลังฉายอยู่ในโรงภาพยนตร์ เริ่มฉายเมื่อวันที่ 23 มกราคม 2015
เส้นทาง Appalachian Trail นี้มีระยะทางรวม 2,186 ไมล์ (3,518 กิโลเมตร) เป็นเส้นทางระหว่างเทือกเขา Katahdin ในรัฐ Maine กับภูเขา Springer ในรัฐ Georgia

นอกจากนี้ยังมีการต่อระยะทางของ AT ออกไปอีกแต่อย่างไม่เป็นทางการ เรียกกันว่า Interational Appalachian Trail โดยต่อช่วงทางเหนือเข้าไปในแคนาดา และช่วงทางใต้ให้ไปสิ้นสุดที่มหาสมุทรแอตแลนติก 

และยังมีแบบไม่เป็นทางการอีกเส้นหนึ่งคือต่อระยะทางใต้เข้าไปยังรัฐฟลอริด้า เรียกว่า Eastern Continental Trail


ถ้ามองกันในภาพรวมแล้ว จะเห็นว่าเส้นทางสาย Appalachian Trail นี้อยู่ทางชายฝั่งตะวันออกของประเทศอเมริกา(ฝั่งนิวยอร์ค) ซึ่งตรงกับข้ามกันเส้นทางสาย Pacific Crest Trails ที่อยู่ทางชายฝั่งตะวันตกของประเทศอเมริกา(ฝั่งแคลิฟอเนีย)


แต่ยังมีเส้นทางอีกเส้นหนึ่งที่บรรดานักเดินทางไกลของสหรัฐจัดให้อยู่ใน Triple Crown ร่วมกับสองเส้นทางแรก นั่นคือ Continental Divide Trail มีชื่อย่อว่า CDT 


เส้นทาง Continental Divide Trail นี้มีชื่อเต็มคือ Continental Divide National Scenic Trail เป็นเส้นทางยาวทอดตัวไปตามเทีอกเขา Rocky ที่แบ่งประเทศอเมริกาเป็นฝั่งตะวันออกกับฝั่งตะวันตก ด้วยเหตุนี้เส้นทางจึงได้ชื่อว่า เส้นทางแบ่งทวีป 
Continental Divide Trail
Continental Divide Trail มีระยะทางยาว 3,100 ไมล์(4.989 กิโลเมตร) เป็นเส้นทางระหว่างชายแดนด้านประเทศแคนาดา และชายแดนประเทศแม๊กซิโก ทอดผ่าน 5 มลรัฐของอเมริกาคือ มอนตานา ไอดาโฮ ไวโอมิง โคโลราโด และนิวแม็กซิโก

เส้นการเดินทางไกลในอเมริกานั้น มิได้มีเพียง 3 เส้นทางนี้เท่านั้น ยังมีเส้นทางอีกมากมายหลายเส้น ซึ่ง่จะขอยกตัวอย่างเฉพาะเส้นทางที่ยาวตั้งแต่ 1.000 ไมล์ขึ้นไป รายละเอียดตามภาพข้างล่าง

จากรายชื่อเส้นทงข้างต้น มีอีกหนึ่งเส้นทางที่น่าสนใจ นั่นคือ North Country Trail (NCT)
NCT
เป็นเส้นทางระหว่าง Crown Point ในรัฐนิวยอร์ค กับ อุทยานแห่งชาติ Lake Sakakawea ในรัฐนอร์ธ ดาโกต้า มีระยะทางยาว 4.600 ไมล์(7.403 กิโลเมตร) ผ่านมลรัฐต่างๆ จำนวน 7 รัฐคือ รัฐนิวยอร์ค รัฐเพนซิลวาเนีย รัฐโอไฮโอ รัฐมิชิแกน รัฐวิสคอนซิล รัฐมินิโซต้า และรัฐนอร์ธ ดาโกต้า

เป็นเส้นทางที่ยาวที่สุดในบรรดา 11 เส้นทางชมทิวทัศน์แห่งชาติ (National Scenic Trails - NST) ซึ่งเส้นทาง CDT - Continental Divide Trail และ PCT - Pacific Crest Trail ต่างก็อยู่ในสิบเอ็ดเส้นทางนี้

ในปี 2011 มีนักเดินทางไกลหนุ่มจากรัฐมิชิแกนคนหนึ่งชื่อ Sam Gardner ได้วางแผนจะพิชิต 4 เส้นทางชมทิวทิศน์แห่งชาติในครั้งเดียว แผนการณ์ที่เขาวางไว้เรียกว่า The All-In Trek ที่มีระยะทางรวมมากกว่า 12.500 ไมล์ โดยเริ่มเดินทางจากเส้น NCT ในวันที่ 1 มกราคม 2011 แต่วันที่ 6 มีนาคม 2011 หลังจากเดินทางมาได้ราว 450 ไมล์ และเข้าใกล้ Finger Lakes Trail แซมก็ต้องล้มเลิกการเดินทางเนื่องจากปัญหาด้านสุขภาพ 

11 เส้นทางชมทิวทัศน์แห่งชาติ (National Scenic Trails - NST) มีเส้นทางใดบ้าง
  1. Appalachian Trail
  2. Arizona Trail
  3. Continental Divide Trail
  4. Florida Trail
  5. Ice Age Trail
  6. Natchez Trace National Scenic Trail
  7. New England National Scenic Trail
  8. North Country Trail
  9. Pacific Crest Trail
  10. Pacific Northwest Trail
  11. Potomac Heritage National Scenic Trail

ทั้ง 11 เส้นทางนี้มีคนเคยเดินและถ่ายภาพตามเส้นทางครบทั้ง 11 เส้นทางมาแล้ว คือ นาย Bart Smith ในปี 2009 เขาสิ้นสุดการเดินทางที่ Old Faithful ในอุทยานแห่งชาติ Yellowstone รัฐวายโอมิง
เขาใช้เวลาทั้งหมด 17 ปีในการพิชิตทั้ง 11 เส้นทาง รวมระยะทางราว 16.500 ไมล์ ใช้รองเท้าไป 19 คู่ เต็นท์ 4 หลัง กล้องถ่ายภาพ 3 ตัว ถ่ายภาพไปกว่า 100.000 ภาพ 
นาย Bart Smith เดินไปสู่จุดเริ่มต้นของเส้นทาง Ozette ในปี 2009
หวังว่าสาระจากภาพยนตร์วันนี้คงจะถูกใจ รวมทั้งจุดประกายให้กับใครหลายคนในการออกกำลังการด้วยการเดินทางไกลด้วยเท้า (Hiking) กันได้บ้าง

ทิ้งท้ายกันด้วย
ภาพของการเดินทางไกลด้วยเท้า
 
























 

3 comments:

  1. This comment has been removed by the author.

    ReplyDelete
  2. ขอถาทหน่อยนะคะ การเดินเส้นทางแบบนี้ในบ้านเรามีมั้ยค่ะ?

    ReplyDelete
    Replies
    1. บ้านเราก็มีอยู่เหมือนกันในอุทยานแห่งชาติต่องๆ เช่น แก่งกระจาน ทุ่งนเรศวร เขาใหญ่
      แต่สภาพคงจะไม่เหมือนกันเนื่องจากสภาพภูมิอากาศแตกต่างกันอย่างมากกับอเมริกา สำหรับบรรยากาศน่าจะได้เช่นเดียวกัน

      Delete