เฟซบุ้คเพจ

เพิ่มเติมอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับช่องสื่อสารผ่านเฟสบุค https://www.facebook.com/monsoonphotonewspage/ ด้วยข่าวสั้นจากสำนักข่าวต่างๆ ทั่วโลก รวดเร็วทันเหตุการณ์

Wednesday, July 3, 2019

เรื่องราวจาก The King's Choice

สืบเนื่องจากไปพบเห็นคลิปส่วนหนึ่งของภาพยนตร์ The King's Choice เป็นฉากการรบบริเวณช่องแคบ Drøbak แต่ย้อนกลับไปหาโพสดังกล่าวใน facebook ไม่เจอเลยไม่รู้ว่าใครเป็นคนโพสไว้



คลิปฉากรบจมเรือรบเยอรมันในภาพยนตร์เรื่อง The King's Choice

พอเห็นคลิปแล้วจำได้ว่า เคยอ่านประวัติของวีรบุรุษนอร์เวย์ท่านนี้จากที่ไหนสักแห่ง คราวนี้สามารถขุดย้อนไปเจอแหล่งที่มานั้นคือ เพจ Euro forces command Center

ก็ขอคัดลอกข้อมูลจากเพจ Euro forces command Center มาเสนอไว้ ณ ที่นี้

......

"วันที่ 9 เมษายน 1940 เมื่อยุโรปเหนือถูกรุกราน":

ในวันนี้เมื่อ 79 ปีที่แล้ว กองทัพเยอรมันได้เริ่มต้นแผนปฏิบัติการแวเซอรีบุง (Weserübung) เพื่อยึดครองประเทศเดนมารก์และนอร์เวย์ ด้วยกำลังอันเกรียงไกรของกองทัพทั้ง 3 เหล่า ส่งผลให้ราชอาณาจักรเดนมารก์ ซึ่งดำเนินนโยบายวางตัวเป็นกลางและร่วมลงนามในสนธิสัญญาไม่รุกรานกับเยอรมันถูกบีบให้ยอมจำนนภายในเวลาเพียง 6 ชั่วโมง

อย่างไรก็ตาม แผนการของเยอรมันในนอร์เวย์ต้องประสบกับอุปสรรค เมื่อพันเอก Birger Kristian Eriksen นายทหารเฒ่าผู้บัญชาการป้อม Oscarsborg ตัดสินใจออกคำสั่งโจมตีเรือลาดตระเวณหนัก Blucher จนอับปางลง ส่งผลให้สมาชิกราชวงศ์และรัฐบาล สามารถหลบหนีออกจากเมืองหลวงได้สำเร็จ

แม้ว่าในที่สุดเยอรมันจะสามารถยึดครองเมืองหลักอย่าง Oslo, Kristiansand, Bergen, Trondheim และ Narvik ได้ ทว่ากองทัพขนาดเล็กที่ล้าสมัยและขาดการเตรียมพร้อม รวมทั้งอาสาสมัครพลเรือนจากพื้นที่ต่างๆ ร่วมกันยืนหยัด ขึ้นต่อต้านผู้รุกรานอย่างห้าวหาญ จนสามารถประวิงเวลาให้กองทัพสัมพันธมิตรสามารถยกกำลังมาสมทบ ก่อนจะถูกสถานการณ์จากนอกประเทศ บีบบังคับให้พวกเค้ายอมจำนนในอีก 62 วันต่อมา

ท้ายที่สุด แม้ว่าสมรภูมิดังกล่าวจะไม่ได้มีชื่อเสียงโด่งดังเท่ากับเหตุการณ์อื่นๆ ทว่าปฏิบัติการ Weserübung ถือเป็นตัวอย่างที่สำคัญ สำหรับการศึกษายุทธวิธีการปฏิบัติภารกิจขนาดใหญ่ร่วมกันระหว่างเหล่าทัพทั้ง 3 ของเยอรมัน ซึ่งปรากฏให้เห็นไม่บ่อยนักในช่วงต้นสงคราม รวมถึงการใช้ข้อได้เปรียบของภูมิประเทศเข้าต่อกรกับกองทัพผู้รุกรานของชาญฉลาดและห้าวหาญของชาวนอร์เวย์อีกด้วย

Credit:

https://www.historylearningsite.co.uk/world-war-two/world-war-two-in-western-europe/the-attack-on-western-europe/the-invasion-of-norway-1940/?fbclid=IwAR1mn9jcFhU3h4x9k2ZWAsEvTm2ZJx8l2aeMl446x7ObEsMOPNwgXWKj_84

https://www.historynet.com/scandinavian-twist-churchills-1940-fiasco-in-norway.htm?fbclid=IwAR0LjRND4YFXP2wWSoRjpxc-eYzqumQbeYrOEMC-0hNhAoy_DJwnyF48NPg

........

สำหรับข้อมูลจาก Wikipedia เกี่ยวกับยุทธการแวเซอรีบุง มีเขียนไว้ดังนี้
9 เมษายน 1940 : ปฏิบัติการแวเซอรีบุง : เยอรมนีส่งกำลังเข้ารุกรานเดนมาร์กและนอร์เวย์ ทั้งทางบก, เรือ และอากาศ เดนมาร์กถูกยึดครองอย่างรวดเร็ว ฐานทัพอากาศของนอร์เวย์สองแห่งถูกโจมตี เยอรมนียกพลขึ้นบกได้สำเร็จหกจุด แต่เรือลาดตระเวน Blücher ของเยอรมนีถูกยิงจมด้วยปืนรักษาฝั่ง กะลาสีเสียชีวิต 1,600 นาย กษัตริย์ Haakon VII เสด็จหนีไปทางเหนือพร้อมกับรัฐบาลของพระองค์
เพราะการตัดสินใจของพันเอก Eriksen ทำให้เรือรบเยอรมันต้องล่าช้าไปในการเข้ายึดเมืองหลวงออสโล ทำให้กษัตริย์ Haakon VII รอดพ้นจากการจับกุม จึงนับเป็นวีรกรรมบทหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ทั้งของนอร์เวย์และของโลก


กล่าวถึงเรื่องราวของพันเอก Birger Kristian Eriksen วีรบุรุษนอร์เวย์ กับยุทธการแวเซอรีบุง ไปแล้ว ช่วงนี้ก็ขอกล่าวถึงเรือรบ Blücher ของเยอรมันกันบ้าง

เรือรบ Blücher เป็นเรือลาดตระเวนหนักลำที่สองจากจำนวน 5 ลำในชั้น Admiral Hipper ตั้งชื่อตามจอมพลแห่งราชอาณาจักรปรัสเซีย เก็พฮาร์ท ฟ็อน บลึชเชอร์
เรือ Blücher ขณะทดสอบภาคทะเล

วางกระดูกงูในเดือนสิงหาคม ค.ศ.1936 โดยปล่อยลงน้ำในเดือนมิถุนายน ค.ศ.1937 และสร้างเสร็จสมบูรณ์ในเดือนกันยายน ค.ศ.1939 ไม่นานหลังจากเกิดสงครามโลกครั้งที่สอง ภายหลังจากผ่านการฝึกลูกเรือและทดสอบทางทะเลเสร็จสิ้นก็เข้าประจำการในวันที่ 5 เมษายน ค.ศ.1940

ทันทีที่เข้าประจำการเรือ Blücher ก็ถูกมอบหมายให้หน้าที่ให้สนับสนุนการบุกประเทศนอร์เวย์ โดยทำหน้าที่เป็นเรือธงให้กับพลเรือตรี Oskar Kummetz ผู้บัญชาการกองเรือที่ 5

โดยล่องเรือเข้าสู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของนอร์เวย์ Oslofjord ในคืนวันที่ 8 เมษายน เพื่อเข้ายึดกรุง Oslo เมืองหลวงของประเทศนอร์เวย์และจับกุมตัวกษัตริย์ Haakon VII ของนอร์เวย์

ซึ่งเส้นทางต้องผ่านป้อมปืน Oscarsborg ที่มีพันเอก Birger Kristian Eriksen เป็นผู้บัญชาการ ป้อมติดตั้งปืนใหญ่ชายฝั่งเก่าๆ ขนาด 11 นิ้ว(28 ซม.) จำนวน 3 กระบอก นอกนั้นก็เป็นปืนขนาดเล็กคือ 5.9 นิ้ว (15 ซม.) และปืนปตอ.ขนาด 57 มม.
ปืนใหญ่ขนาด 11 นิ้วของป้อม Oscarsborg
แต่พันเอก Eriksen เพิ่งจะได้รับมอบกำลังพลทหารใหม่จำนวน 450 นายมาก่อนหน้าจะเกิดการรบครั้งนี้เพียง 7 วัน และยังไม่มีเวลาฝึกกำลังพลให้วางทุนระเบิด แต่เริ่มฝึกทหารใหม่ได้แค่พอใช้ปืนใหญ่เพียง 2 กระบอกเท่านั้น

เช้าตรู่วันที่ 9 เมษายน เวลา 04:20 น.เรือ Blücher ถูกตรวจพบแต่ท่่ามกลางหมอกหนาทำให้ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นเรือของอังกฤษหรือเยอรมัน พ.อ. Eriksen ต้องตัดสินใจว่าจะปล่อยให้ผ่าน หรือยิงโจมตี ซึ่งสถานการณ์การเมืองของนอร์เวย์วุ่นวายสับสนทำให้ไม่มีคำสั่งอย่างแน่ชัดหรือได้รับคำแนะนำว่าจะต้องปฏิบัตอย่างไรทั้งกับเรือรบของเยอรมันและของฝ่ายสัมพันธมิตร

พ.อ.Eriksen ได้รับรู้มาว่ารัฐบาลนอร์เวย์เอนเอียงเข้ากับฝ่ายอังกฤษหากนอร์เวย์จะต้องเข้าสู่สงคราม ดังนั้นอังกฤษไม่น่าจะส่งเรือรบเข้ามาในน่านน้ำนอร์เวย์ ซึ่งเขาก็ไม่มีทางแน่ใจได้เลยว่าเรือที่ล่องเข้ามาตามสายหมอกเป็นฝ่ายไหน แต่เนื่องด้วยระยะทางที่เรือใกล้เข้ามาถึงจุดที่เขาต้องตัดสินใจ เขาก็ประกาศคำสั่งออกไปว่า "ไม่ว่าข้าจะได้รับเหรียญหรือถูกส่งขึ้นศาลทหาร... ยิง(โจมตี)"

เรืออีกลำที่ตามหลังเรือ Blücher มาก็คือเรือในชั้นเดียวกันชื่อ Lützow และต่อด้วยเรือ Emden ถูกระดมยิงด้วยปืนใหญ่ขนาดกลางทำให้ต้องหันหัวเรือเปลี่ยนเส้นทาง

ในขณะที่เรือ Lützow หันหัวเรือเปลี่ยนเส้นทาง เรือ Blücher ก็ผ่านป้อมปืน Oscarsborg ไปแล้ว และต้องไปเจอกับอาวุธลับของนอร์เวย์นั่นคือ กองพันตอร์ปิโดใต้ดิน ซึ่งการข่าวของฝ่ายเยอรมันไม่รู้ว่ามีตั้งอยู่ เพราะปกติกองพันนี้มีไว้สำหรับใช้ฝึกสอนแค่นั้น

โดยในฐานมีอุโมงค์ยิงตอร์ปิโดจำนวน 3 อุโมงค์สามารถยิงตอร์ปิโดได้ 6 ลูกโดยไม่ต้องบรรจุใหม่ และมีตอร์ปิโดรบหัวขาวเก่าๆ อายุ 40 ปีที่สร้างโดยออสเตรียฮังการีประจำการอยู่ 9 ลูก ซึ่งไม่รู้ว่าจะใช้งานได้รึเปล่า

แต่ทหารเก่าเกษียณราชการไปแล้วกว่า 13 ปีที่ถูกเรียกให้กลับมาประจำการชั่วคราวอย่างนาวาเอก(ในวิกิฯ ว่ายศ นาวาโท) Anderssen ก็สั่งยิงออกไป ตอร์ปิโดลูกแรกยิงถูกบริเวณหัวเรือไม่สามารถความเสียหายได้มากนัก แต่ลูกที่สองโดนซ้ำเข้าไปบริเวณเดียวกับที่ปืนใหญ่ชายฝั่งขนาด 11 นิ้วของ พ.อ.Eriksen ยิงไว้ทำให้สร้างความเสียหายอย่างหนักน้ำทะลักเข้าตัวเรือทำให้เรือเอียงไปทางกราบซ้าย ต่อมาเกิดการระเบิดของซองกระสุนปืนรองของเรือทำให้ต้องสละเรือ
น้ำเข้าทำให้เรือ Blücher เอียงไปทางกราบซ้าย

จากข้อมูลของประเทศเยอรมนีมีลูกเรือเสียชีวิต 125 คนและพลร่ม 122 คน เจ้าหน้าที่ของเรือ 38 นายลูกเรือ 985 คนและทหารและนายทหาร 538 นายได้รับการช่วยเหลือ

เรือลาดตระเวณหนัก Blücher
  • ระวางขับน้ำ 16,000 ตัน (ในวิกิฯ ว่า 18,500 ตัน)
  • ยาว 203.20 เมตร
  • กว้าง 22 เมตร
  • กินน้ำลึก(บรรทุกเต็มอัตรา) 7.20 เมตร
  • ความเร็ว 32 นอท
  • ลูกเรือ นายทหาร 42 นาย ทหารเกณฑ์ 1,340 นาย


ติดตั้ง
  • ปืนใหญ่หลักขนาด 8 นิ้ว(20.3 ซม.) จำนวน 8 กระบอก 
  • ปืนใหญ่รองขนาด 4.1 นิ้ว(10.5 ซม.) จำนวน 12 กระบอ
  • ปืนขนาด 1.5 นิ้ว(3.7 ซม.) จำนวน 12 กระบอก
  • ปืนขนาด 0.79 นิ้ว(2 ซม.) จำนวน 8 กระบอก
  • ตอร์ปิโดขนาด 21 นิ้ว(53.3 ซม.) จำนวน 6 ท่อ
  • เครื่องบิน จำนวน 3 ลำ
  • เครื่องดีดปล่อยเครื่องบิน 1 เครื่อง

ลองไปชมคลิปสารคดีกัน(พากษ์อังกฤษ)


No comments:

Post a Comment