กองพันทหารม้าไทยกับอิสราเอล(ปรับใหม่)

เนื่องจากตอนนี้อิสราเอลมีการปรับระเบียบอัตราการและยุทโธปกรณ์(อจย.)ของหน่วยกองพันทหารม้าของเขาใหม่ ก็เลยนำมาเทียบกับการจัดกำลังกองพันทหารม้าของไทย โดยช่วงแรกจะนำเสนอข่าวของอิสราเอลก่อน ช่วงหลังจะกล่าวถึงของไทย ซึ่งรายละเอียดจะเยอะหน่อย ลองติดตามกันดู

ปัจจุบันอิสราเอลมีอัตราการจัดและยุทโธปกรณ์(อจย.)แต่ละกองพันรถถัง ดังนี้คือ

หนึ่งกองพันทหารม้า จะประกอบด้วย

• 3 กองร้อยรถถัง
• 1 กองร้อยทหารราบอาวุธเบา

โดยภารกิจของทหารราบอาวุธเบาคือป้องกันรถถังจากทหารราบข้าศึกที่ใช้อาวุธต่อต้านรถถัง และสอดแนมข้าศึกล่วงหน้า

แต่จากการจัดระเบียบใหม่จะเป็นดังนี้คือ ยังคง 3 กองร้อยรถถังไว้เช่นเดิม แต่กองร้อยทหารราบอาวุธเบาจะกลายไปเป็นกองรัยยสนับสนุนการรบ(ร้อย.สสก.)อันประกอบไปด้วย

• 1 หมวดปืนค. 120 มม.
• 1 หมวดทหารลาดตระเวณ
• 1 หมวดทหารพราน

ทั้งนี้กองร้อยรถถังจะต้องฝึกให้รู้จักใช้หมวดในกองร้อยสนับสนุนในการปฏิบัติภารกิจของตน ผลที่เกิดขึ้นคือจะทำให้กองพันยานเกราะจะมีความสามารถมากขึ้น ซึ่งก็หมายถึงจะต้องมีการฝึกมากขึ้น แต่อิสราเอลก็ลดค่าใช้จ่ายสำหรับการฝึก โดยหันไปใช้เครื่องจำลองการฝึกแทนการฝึกจริงในสนาม

สำหรับการจัดหน่วยกองพันทหารม้าของกองพันรถถังไทย เป็นดังนี้

• 3 กองร้อยรถถัง
• 1 กองบังคับการกองพันและกองร้อยกองบังคับการ (กองร้อยสนับสนุนการรบ – สสก.)

แต่ทั้งนี้การจัดหน่วยที่กล่าวมาข้างต้นเป็นการจัดแบบมาตรฐานกองพันทหารม้ารถถัง (ทหารม้าลาดตระเวณประกอบด้วย 5 กองร้อย) แต่ในการจัด อจย.ยังมีอีกหลายแบบ เช่น อจย.17-15, อจย.17-16, อจย.17-17 ฯลฯ และในแต่ละ อจย. ยังสามารถจัดลด หรือจัดเพิ่มได้อีก

เหมือนเปรียบเทียบกับของอิสราเอลแล้ว นับว่าการจัดกำลังของไทยนั้นขนาดของหน่วยจะใหญ่กว่า เพราะเราจัดหน่วยในระดับกองร้อย เช่น หน่วยปืน ค.120 ของเราเป็นกองร้อยเครื่องยิงลูกระเบิดหนัก (อัตราจร) จัดตาม อจย.17-24 แต่ของอิสราเอลย่อยเป็นหมวดแล้วเอาไปผสมกับหน่วยอื่นแล้วรวมเป็นกองร้อยอีกที

ซึ่งการจัดของอิสราเอลจะเบ็ดเสร็จในตัวมากกว่าสามารถทำการรบได้เลย แต่ของไทยก็สามารถจัดแบบผสมได้ แต่จุดอ่อนที่นอกจากขนาดของกองพันที่ใหญ่กว่าแล้ว ก็คือกองร้อยที่จะมาผสมอาจอยู่คนละที่ตั้ง ก็ต้องเดินทางไปสมทบกันอีก อีกทั้งไม่เคยฝึกร่วมกันมาก่อน

เอาไว้คราวหน้าจะมานำเสนอ เหล่าทหารม้า ของไทยแล้วกัน

อัพเดท อ่านต่อกันได้แล้วที่  http://monsoonphotonews.blogspot.com/2014/01/blog-post_11.html