Samsung Galaxy S4
นั้นรูปร่างหน้าตาเหมือนเป็นการฟิวชั่นระหว่าง
S3 และ
Note 2 เข้าด้วยกัน
ตัวเครื่องมีขนาดบางลงเหลือแค่
7.9 มม
หน้าจอใหญ่ขึ้นจาก 4.8
เป็น
5 นิ้ว
ความละเอียดจอ Full HD
1080p Super AMOLED วัสดุของตัวเครื่องยังเป็นโพลีคาร์บอเนตเช่นเดิม
แต่มีการออกแบบชิ้นส่วนและการประกอบที่ดูดีขึ้นกว่า
S3
กล้องหลัง
13 ล้าน
กล้องหน้า 2 ล้าน
ตัวเครื่องจะมีจำหน่าย 2
สีคือ
Black Mist และ
White Frost แยกเป็นรุ่นความจุ
16/32/64 GB ทุกรุ่นสามารถใส่
Micro SD เพิ่มได้
เรื่องการเชื่อมต่อต่างๆ
ก็มากันครบไม่ว่าจะเป็น
bluetooth 4.0, WiFi Direct และที่มีเพิ่มมาคือ
IR LED เพื่อใช้งานเป็นรีโมทควบคุมทีวี
เครื่องเสียง หรือชุดโฮมเธียเตอร์
ส่วน
Hardware ฝั่ง
CPU นั้นจะแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ที่จำหน่าย
คือมี CPU Exynos 5 octa core (8
แกน
หรือ 4+4) ซึ่งคือเป็นการใช้งาน
CPU qaud-core (4 แกน)
2 ชุด
ทำงานสลับกันไปมา ชุดพลังแรงสูงคือ
AMR Cortex A15 ทำงานที่
1.6 GHz ส่วนชุดประหยัดพลังงานจะเป็น
ARM cortex A7 ทำงานที่
1.2 GHz
แต่
S4 ที่จำหน่ายในอเมริกาจะเป็นรุ่นquad
core (4 แกน)
แค่นั้นไม่ใช่
octa core (8 แกน)
ทั้งนี้อาจจะด้วยเหตุผลที่บริษัทมือถือทั้งหลายกังวลว่า
CPU แบบ
8 แกนจะไม่สามารถรองรับระบบเครือข่าย
4G LTE ได้
แต่ทาง Samsung ก็ออกมายืนยันว่า
เครื่อง Galaxy S4 ที่ใช้
CPU เป็น
Exynos 5 Octa 8 Core (4+4)
ก็สามารถที่จะรองรับเครือข่าย
4G ได้
เหมือนดั่งเช่นเครื่องที่จะวางจำหน่ายในเกาหลีอย่างGalaxy
S4 (SHV-E300S) ก็จะใช้
Exynos 5 Octa SoC ที่มี
LTE ติดตั้ง
Onborad มาให้เช่นกัน
อ้าว!
แล้วจะแยกทำไม?
เหตุผลสุดท้ายที่ได้รับมา
กลายเป็นว่าเพราะทาง Samsung
มีความกังวลในเรื่องของปริมาณการผลิต
จากการตั้งเป้ายอดจำหน่ายของเครื่อง
Galaxy S4 ไว้ที่
100 ล้านเครื่อง
และด้วยความต้องการที่จะสามารถนำส่งสินค้าให้มากพอความต้องการอย่างเต็มที่
และจะมีอะไรที่จะเหมาะสมไปกว่า
Snapdragon 600 ที่กำลังฮอตไปทั่วโลก
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
http://www.appdisqus.com
และ
http://droidsans.com
No comments:
Post a Comment