เฟซบุ้คเพจ

เพิ่มเติมอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับช่องสื่อสารผ่านเฟสบุค https://www.facebook.com/monsoonphotonewspage/ ด้วยข่าวสั้นจากสำนักข่าวต่างๆ ทั่วโลก รวดเร็วทันเหตุการณ์

Wednesday, May 8, 2013

Samsung Galaxy S4

บรรดาสาวกแฟนพันธุ์แท้ของซัมซุงคงจะรู้เรื่องของกาแล็คซี่เอส4 เป็นอย่างดี แต่ท่านผู้ใช้ทั่วๆไปจะรู้กันบ้างรึเปล่า???

Samsung Galaxy S4 นั้นรูปร่างหน้าตาเหมือนเป็นการฟิวชั่นระหว่าง S3 และ Note 2 เข้าด้วยกัน ตัวเครื่องมีขนาดบางลงเหลือแค่ 7.9 มม หน้าจอใหญ่ขึ้นจาก 4.8 เป็น 5 นิ้ว ความละเอียดจอ Full HD 1080p Super AMOLED วัสดุของตัวเครื่องยังเป็นโพลีคาร์บอเนตเช่นเดิม แต่มีการออกแบบชิ้นส่วนและการประกอบที่ดูดีขึ้นกว่า S3

กล้องหลัง 13 ล้าน กล้องหน้า 2 ล้าน ตัวเครื่องจะมีจำหน่าย 2 สีคือ Black Mist และ White Frost แยกเป็นรุ่นความจุ 16/32/64 GB ทุกรุ่นสามารถใส่ Micro SD เพิ่มได้ เรื่องการเชื่อมต่อต่างๆ ก็มากันครบไม่ว่าจะเป็น bluetooth 4.0, WiFi Direct และที่มีเพิ่มมาคือ IR LED เพื่อใช้งานเป็นรีโมทควบคุมทีวี เครื่องเสียง หรือชุดโฮมเธียเตอร์

ส่วน Hardware ฝั่ง CPU นั้นจะแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ที่จำหน่าย คือมี CPU Exynos 5 octa core (8 แกน หรือ 4+4) ซึ่งคือเป็นการใช้งาน CPU qaud-core (4 แกน) 2 ชุด ทำงานสลับกันไปมา ชุดพลังแรงสูงคือ AMR Cortex A15 ทำงานที่ 1.6 GHz ส่วนชุดประหยัดพลังงานจะเป็น ARM cortex A7 ทำงานที่ 1.2 GHz

แต่ S4 ที่จำหน่ายในอเมริกาจะเป็นรุ่นquad core (4 แกน) แค่นั้นไม่ใช่ octa core (8 แกน) ทั้งนี้อาจจะด้วยเหตุผลที่บริษัทมือถือทั้งหลายกังวลว่า CPU แบบ 8 แกนจะไม่สามารถรองรับระบบเครือข่าย 4G LTE ได้ แต่ทาง Samsung ก็ออกมายืนยันว่า เครื่อง Galaxy S4 ที่ใช้ CPU เป็น Exynos 5 Octa 8 Core (4+4) ก็สามารถที่จะรองรับเครือข่าย 4G ได้ เหมือนดั่งเช่นเครื่องที่จะวางจำหน่ายในเกาหลีอย่างGalaxy S4 (SHV-E300S) ก็จะใช้ Exynos 5 Octa SoC ที่มี LTE ติดตั้ง Onborad มาให้เช่นกัน

อ้าว! แล้วจะแยกทำไม? เหตุผลสุดท้ายที่ได้รับมา กลายเป็นว่าเพราะทาง Samsung มีความกังวลในเรื่องของปริมาณการผลิต จากการตั้งเป้ายอดจำหน่ายของเครื่อง Galaxy S4 ไว้ที่ 100 ล้านเครื่อง และด้วยความต้องการที่จะสามารถนำส่งสินค้าให้มากพอความต้องการอย่างเต็มที่ และจะมีอะไรที่จะเหมาะสมไปกว่า Snapdragon 600 ที่กำลังฮอตไปทั่วโลก

ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://www.appdisqus.com และ http://droidsans.com

No comments:

Post a Comment