เฟซบุ้คเพจ

เพิ่มเติมอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับช่องสื่อสารผ่านเฟสบุค https://www.facebook.com/monsoonphotonewspage/ ด้วยข่าวสั้นจากสำนักข่าวต่างๆ ทั่วโลก รวดเร็วทันเหตุการณ์

Tuesday, July 4, 2017

นโยบายเปลี่ยนหรืออย่างไร

ฉลองวันชาติอเมริกาวันนี้ด้วยบทความที่สืบเนื่องมาจากการเยือนสาธาณะรัฐเกาหลีใต้ของกรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีกลาโหม(วท.กห.)และสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ(สปท.) ทำให้มีข่าวออกมาว่าไทยสนใจในปืนไรเฟิล K2 ของเกาหลีใต้ ก็รอดูว่ามีใครจะต่อยอดกันบ้าง แต่ไม่เห็นมีก็เลยนำมาบอกเล่ามุมมองส่วนตัวในเรื่องนี้กัน



ก็คงต้องเท้าความย้อนกันไปที่ปืน ปลย.50 กันก่อน ปืนทราโว21 เป็นปืนไรเฟิลที่กองทัพบกมีนโยบายจัดหามาเพื่อใช้ทดแทนปืนไรเฟิล M16A1 ที่มีใช้อยู่่จำนวน 106,203 กระบอก ซึ่งปัจจุบันได้จัดซื้อปืนทราโว21 มาแล้วจำนวน 73,000 กระบอก ดังนั้นจึงขาดจำนวนอยู่อีก 43,203 กระบอกก็จะครบจำนวน
TAR-21 หรือ ปลย.50
ำหรับปืนไรเฟิลทาโวนี้ก็มีข่่าวเรื่องปัญหาต่างๆ จากทหารผู้ใช้งาน เช่น เรื่องการบำรุงรักษาที่ไม่สามารถถอดประกอบได้ง่ายเหมือนปืน M16 และ HK33

แต่ปัญหาใหญ่คือการเสื่อมสภาพของลูกยางรองขอรั้งปลอกกระสุนเสื่อมและแตกง่าย มีบางคนว่าเป็นเพราะใช้น้ายาล้างปืนเกรดต่ำไม่ตรงกับสเปคไม่ใช่เป็นที่สภาพอากาศ ซึ่งก็น่าจะมีความเป็นไปได้เพราะประเทศอิสราเอลอยู่ในทะเลทรายอุณหภูมิย่อมสูง อาจจะสูงกว่าเมืองไทยด้วยซ้ำ ดังนั้นการออกแบบต้องคำนึงถึงเรื่องนี้อยู่แล้ว

อย่างไรก็ตามปืนไรเฟิลทาโวก็เป็นที่นิยมของหน่วยทหารในบางหน่วย เช่น ทหารม้ายานเกราะ และทหารปืนใหญ่ เพราะปืนทาโวมีขนาดสั้นเหมาะสำหรับใช้ในพื้นที่ขนาดจำกัด

Daewoo K2
คราวนี้มาต่อกันที่ปืนไรเฟิลเกาหลีใต้ที่กำลังเป็นข่าว นั่นคือปืน K2 (ประจำการปีพ..2530) หากกองทัพสนใจปืนไรเฟิลเกาหลีใต้ K2 จริง ก็คงสั่งในจำนวนที่ขาดอยู่คือสี่หมื่นกว่ากระบอก แต่คงจะมีปัญหาเรื่องของการบำรุงรักษา เพราะต้องสำรองอะไหล่กันอีก และที่สำคัญคือเกาหลีใต้ก็กำลังจะปลดประจำการปืนไรเฟิล K2 เพื่อเปลี่ยนไปใช้ปืนไรเฟิลรุ่นใหม่คือ K2A ที่ทยอยเข้าประจำการมาตั้งแต่ปีพ..2557

ดังนั้นเรื่องปืนไรเฟิลของเกาหลีใต้ที่ไทยสนใจนัันเป็นไปได้ว่าอาจจะเป็นรุ่นใหม่คือ K2A ไม่ใช่รุ่นเก่า K2 ที่กำลังจะปลดประจำการ

แต่ถ้าหากปืนที่กองทัพสนใจเป็นปืน K2 และเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายกองทัพ ก็คงต้องซื้อสายผลิตเขามาด้วย

และหากต้องซื้อสายผลิตปืนK2 ของเกาหลีใต้ ก็จะนำมาสู่ปืนไรเฟิลกระบอกที่สามที่ผมจะพูดถึง นั่นคือทำไมกองทัพไปย้อนกลับไปหาสิ่งที่เรามีอยู่แล้ว คือสายผลิต H&K33 ที่เราซื้อมาจากเยอรมัน
HK33 หรือ ปลย.11
เพราะปัญหาของการผลิตปืน HK33 ที่มีในอดีตนั้นต้นตอไม่ใช่เรื่องเทคนิคหรือผลิตไม่ได้คุณภาพ แต่เป็นเรื่องความไม่ซื่อสัตย์สุจริต ในยุคที่ยังไม่มีคอมพิวเตอร์และการสื่อสารก็ยังไม่เชื่อมต่อเป็นเครือข่ายอย่างสังคมออนไลน์ดังเช่นในปัจจุบัน ปัญหาย่อมยากที่จะควบคุม ดังนั้นหากเปิดสายผลิตปืนไรเฟิล HK33ขึ้นมาอีกครั้งในยุคนี้คงไม่เกิดปัญหาเช่นในอดีต

สำหรับในเรื่องความทันสมัยเนื่องจากปืน HK33 เป็นปืนที่ออกแบบมาตั้งแต่ปีพ..2511 และระบบขัดกลอนหน่วงเวลาด้วยลูกปืน(Roller-delayed blowback) ก็ไม่เป็นที่นิยมเพราะชิ้นส่วนเยอะ ทำให้การผลิตยุ่งยาก เราก็ทำการปรับปรุงแก้ไขพัฒนาต่อยอดจากปืน HK33 ซึ่งก็ไม่เหนือความสามารถของกองทัพ

พราะปืนไรเฟิล K2 ของเกาหลีใต้ก็พัฒนาโดยลอกแบบมาจากปืน Armalite AR-18 (ปืนคู่แข่งของ AR-15, M-16 หากมองเปรียบเทียบกับเครื่องบิน ก็คงราวๆ YF-16 กับ YF-17) แล้วก็พัฒนาดัดแปลงปรับปรุงมาเรื่อยๆ จนได้เป็น K2 แต่ปลย.11 ของไทยพ่ายแพ้ต่อความไม่ซื่อสัตย์สุจริต
Armalite AR-18

บทสรุปจากเต้าข่าวในตอนนี้คือ หากกองทัพไทยสนใจจะซื้อปืนไรเฟิลของเกาหลีใต้จริง ก็แสดงว่ามีการเปลี่ยนแปลงในนโยบายให้ปืนแบบ Bullpup เป็นมาตรฐานของกองทัพ
ึ่งหากเปลี่ยนนโยบาย ก็ควรโอนปืนทาโวให้กับหน่วยที่เหมาะสมคือ ทหารม้ายานเกราะ ทหารปืนใหญ่ และทหารราบที่รับผิดชอบเขตเมือง ส่วนปืนจัดหาใหม่ก็จัดให้หน่วนรบแนวหน้าในเขตป่าเขา


No comments:

Post a Comment