AK-103 |
วันนี้มานำเสนอเส้นทางปืนไรเฟิลของอินเดียกันบ้าง
สำหรับของไทยย้อนไปอ่านกันได้ที่
http://monsoonphotonews.blogspot.com/2017/11/blog-post.html
เดิมในยุคปีพ.ศ.2493
กองทัพอินเดียได้ประจำการด้วยปืนไรเฟิลกึ่งอัตโนมัติ
L-1A1 ที่ผลิตขึ้นโดยปราศจากใบอนุญาต
ต่อมาในปีพ.ศ.2523
อินเดียได้ตัดสินใจพัฒนาปืนไรเฟิล
INSAS ขนาด
5.56 มม.เพื่อใช้ทดแทนปืนรุ่นเก่า
L-1A1 โดยอาศัยปืนไรเฟิล
AKM เป็นพื้นฐาน
ปืนไรเฟิล
INSAS แม้จะใช้ปืน
AKM เป็นพื้นฐานแต่มันก็มีคุณสมบัติของปืนอื่นๆ
ผสมผสานอยู่ กล่าวคือ
มีหกร่องเกลียว
ใช้ระบบแก็สและมีลูกเลื่อนอย่างปืน
AKM แต่มีระบบควบคุมด้วยมืออย่าง
FN FAL มีคันชักลูกเลื่อนอย่าง
HK33 ใช้ซองกระสุนพลาสติกใสอย่าง
Steyr AUG รูปลักษณะภายนอกกลับเหมือนปืน
Galil โดยปืนINSAS
รุ่นนี้มีชื่อว่า
1B1
INSAS 1B1 |
ปืพ.ศ.2533
กองทัพอินเดียได้เปิดตัวปืน
INSAS – Indian Small Arms System
แม้ว่ากำหนดส่งมอบปืน
INSAS จำนวน
7,000 กระบอกในปีพ.ศ.2537
แต่ก็มีปัญหาเรื่องการขาดแคลนกระสุน
อินเดียก็ได้ทำการสั่งซื้อกระสุนขนาด
5.56x45
มม.จำนวนห้าสิบล้านนัดจากประเทศอิสราเอลในปีพ.ศ.2539
อินเดียได้เริ่มผลิตกระสุนขนาด 5.56x45มม.ภายในประเทศราวกลางปีพ.ศ.2540แต่มีกำลังการผลิตน้อยซึ่งไม่เพียงพอต่อความต้องการ
แต่กำหนดการประจำการปืน
INSAS
ในปีพ.ศ.2541ก็ต้องล่าช้าออกไปเนื่องจากกระสุนที่สั่งซื้อจากอิสราเอลถูกระงับการส่งก่อนหน้าถึงกำหนดเพียงแค่สามเดือน
ซึ่งคาดว่าเป็นเรื่องของการเมืองโดยอิสราเอลถูกกดดันจากสหรัฐฯ
ในระหว่างนั้นอินเดียสามารถสั่งซื้อปืนไรเฟิล
AKM และกระสุนขนาด
7.62x39 มม.
จำนวนมากจากประเทศโรมาเนียเข้ามา
ทำให้หลายต่อหลายหน่วยที่คาดว่าจะได้รับปืน
INSAS กลับได้รับปืน
AKM ไปแทน
เล่ากันว่าการโจมตีทางอากาศของปากีสถาน(สงครามKargil)
ทำให้สายการผลิต
INSAS ต้องหยุดลง
ทำให้ปีพ.ศ.2545
อินเดียมองหาปืนไรเฟิลแบบใหม่ซึ่งก็คือปืน TAR-21 ขนาด
5.56 มม.
และ
MTAR (X95) โดยให้ชื่อปืนว่า
Zittara
และแจกจ่ายต่อทหารในแนวหน้าปีพ.ศ.2548 ซึ่งก็ถูกทหารบ่นว่า
การปฏิบัติการไม่น่าพอใจ
ทำให้ต้องปรับปรุงแก้ไขและทดสอบในอิสราเอลจนเป็นที่พอใจในปีพ.ศ.2549
TAR-21 Zittara |
ผลภายหลังจากสงคราม
Kargil ปีพ.ศ.2542
ระหว่างอินเดียกับปากีสถาน
และสงครามกลางเมืองประเทศเนปาล
ปีพ.ศ.2539-2549
(กองทัพบกเนปาลได้สั่งซื้อไปประจำการ)
ได้พบข้อบกพร่องหลายประการในปืน
INSAS อันทำให้ต้องทำมีการปรับปรุงแก้ไขปืน
INSAS ทำให้เกิดปืนรุ่นต่างๆ
ออกมา
ปืพ.ศ.2550
อินเดียได้ผลิตปืน
INSAS แบบสั้นออกมาให้ชื่อว่า
Kalantak อย่างไรก็ดีแม้จะถึงปีพ.ศ.2553
มันก็ยังไม่เข้าสู่สายการผลิต
กลับถูกผลิตออกมาอย่างจำกัดเป็นจำนวนน้อยมาก
ปืน
Kalantak มีความยาวลำกล้องเพียง
13.1 นิ้ว
ปากกระบอกติดตัวลดแสงมาตรฐาน
INSAS มีระยะยิงหวังผล
300 เมตร
ช่วงต้นปีพ.ศ.2558
อินเดียได้เริ่มทดสอบปืนอีกรุ่นหนึ่งที่ปรับปรุงมาจากปืน
INSAS 1B1 และได้ผลิตออกมามากคือ
ปืนไรเฟิล Excalibur
เป็นปืนที่แตกสายมาจากปืน
INSAS ภายใต้ปรับปรุงของ
ARDE – Armament R&D Establishment
ที่ขึ้นอยู่กับ
DRDO – Defense Research and Development
Organisation
ปืน
Excaliburมีลำกล้องยาว
15.75 นิ้ว
มีระยะยิงหวังผล 400
เมตร
โดยปืนแบบใหม่ล่าสุดนั้นคือรุ่นคาร์บิน
ในช่วงพัฒนาเรียกชื่อโครงการว่า
MSMC carbin มาจากคำว่า
Modern SubMachine Carbine
หรือรูัจักกันในอีกชื่อคือ
JVPC – Joint Venture Protective Carbine
ต่อมาก็ตั้งชื่อให้กับปืนว่า
Amogh
ปืน
Amogh มีความยาวลำกล้อง
13 นิ้ว
มีระยะยิงหวังผล 200
เมตร
Amogh หรือ JVPC หรือ MSMC |
ต่อมาในปีพ.ศ.2554อินเดียได้ส่งการขอข้อเสนอ(RFP)ไปยังผู้ขายปืนจำนวน
34รายสำหรับปืนไรเฟิลหลายลำกล้อง
Multi Caliber Individual Weapon System -
MCIWSจำนวน
65,678 กระบอก
โดยมีข้อกำหนดคือ
-
ปืนต้องสามารถใช้กระสุนได้ทั้งขนาด 5.56x45 มม. และขนาด 7.62x39 มม. ด้วยการเปลี่ยนแค่ลำกล้องและซองกระสุนแค่นั้น
-
ใต้ลำกล้องต้องมีตำบลติดตั้งเครื่องยิงลูกระเบิดและตัวสะท้อนสายตา
-
น้ำหนักปืนพร้อมซองกระสุนเปล่าต้องย้อยกว่า 3.6 กิโลกรัม
-
ลำกล้องทั้งสองขนาดต้องยาวน้อยกว่า 16 นิ้ว
ปลายปีพ.ศ.2556
กองทัพบกอินเดียเริ่มการทดสอบปืนไรเฟิลที่เข้าร่วมแข่งขันซึ่งเหลืออยู่น้อยรายคือ
-
Beretta ARX-160 ประเทศอิตาลี
-
BREN CZ-805 สาธารณรัฐเชค
-
IWI ACE1 ประเทศอิสราเอล
-
SIG Sauer SG 551 ประเทศสวิสเซอร์แลนด์
-
Colt Combat Rifle สหรัฐอเมริกา ส่งปืนในตระกูล M16A1 หลายแบบเข้าร่วม
ก่อนหน้านี้เห็นมี H&K G36 เยอรมัน, SAR21 สิงคโปร์, XM8 สหรัฐฯ,TAR-21 อิสราเอล, AK-74 บัลเกเรีย, F-2000 เบลเยี่ยม, A3 ออสเตรีย เข้าร่วมแข่งขันด้วย
ต้นปีพ.ศ.2557
เดือนกุมภาพันธ์เหลือปืนที่ผ่านเข้ารอบเพียง
4 แบบคือ
-
BREN CZ-805 สาธารณรัฐเชค
-
Beretta ARX-160 ประเทศอิตาลี
-
IWI ACE1 ประเทศอิสราเอล
-
Colt M4 สหรัฐอเมริกา
พอกลางในเดือนมิถุนายน
เหลือปืนเข้ารอบสุดท้ายเพียงสามแบบคือ
-
Beretta ARX-160
-
Colt M4
-
IWI ACE1
ท้ายสุดในเดือนตุลาคม
ก็เหลือเพียงแค่สองแบบคือ
-
IWI ACE1
-
Beretta ARX-160
อย่างไรก็ตามเดือนมิถุนายน
พ.ศ.2558
อินเดียก็เพิกถอนนการประมูล
ซึ่งภายหลังยกเลิกการประมูลก็มีรายงานว่าปืน
INSAS อาจถูกทดแทนด้วยปืนรุ่นปรับปรุงใหม่คือ
MIR - Modified INSAS Rifle
โดยใช้พื้นฐานจากปืนไรเฟิล
Excalibur ให้ชื่อใหม่ว่า Ghatak
Ghatak หรือ MCIWS |
ปัจจุบันก็เห็นว่าโครงการพัฒนา
MIR (Ghatak) อาจจะไปไม่ถีงดวงดาว
พัฒนามา 2-3 ปีแก้ไขปัญหาไม่จบสิ้น
ตอนนี่มีข่าวล่าสุดวันนี้(6
เมษายน
2561)
ที่ออกมากล่าวว่าอินเดียกำลังแก้ไขข้อกำหนดเพื่อให้ตรงกับคุณสมบัติของปืนไรเฟิล
AK-103 ขนาด
7.62x39 มม.M43
ซึ่งอาจจะสร้างโรงงานผลิตในอินเดีย
จำนวนที่จะสั่งซื้อคือ
65,000 กระบอกก็เท่าๆ
กับโครงการ MCIWS นี้เลย
แก้สเปค ฟังดูแล้วน่าจะคุ้นๆ กันเป็นอย่างดี
เป็นไงล่ะ
ปวดหัวกันไหมกับวิถีปืนไรเฟิลของอินเดีย
ซับซ้อนตามสไตล์ภารตะ จากขนาด
5.56x45 มม.
แต่ตอนนี้ดูท่าจะกลายไปเป็น
7.62x39 มม.เสียแล้ว
No comments:
Post a Comment