บุคคลที่จะแนะนำนั้นก็คือ พ.ท.นพ.ภาคย์ โลหารชุน หรือ หมอภาคย์
พ.ท.นพ.ภาคย์ โลหารชุน หรือ หมอภาคย์ เป็นผู้บังคับกองพันเสนารักษ์ที่ 3
ประวัติเส้นทางความแกร่งของ
พ.ท.นพ.ภาคย์
โลหารชุน หรือ ‘หมอภาคย์’
เจ้าของฉายา ‘มนุษย์ที่แกร่งที่สุดในปฐพี’
ต้องบอกว่าไม่ธรรมดาเพราะเป็นหมอทหารที่พิชิตทุกหลักสูตรรบพิเศษที่มีในเมืองไทย
พ.ท.นพ.
ภาคย์
โลหารชุน ชื่อเล่น พุฒ อายุ
39
ปี
เป็นชาวกรุงเทพมหานคร
คุณพ่อคุณแม่เป็นหมอ มีพี่ชาย
1
คนเป็นหมอทหาร
จบการศึกษาจากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา
และสอบเข้าวิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า
รุ่นที่ 23
ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง ผู้บังคับกองพันเสนารักษ์ที่ 3 ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ จ.นครราชสีมา
นอกจากนี้ยังเป็นที่รู้จักในนาม
“นักล่าเครื่องหมาย”
เนื่องจากเข้าอบรมหลักสูตรต่างๆ
ของทางกองทัพมาเป็นจำนวนมาก
สำหรับหลักสูตรที่ฝึกอบรมสำเร็จ มีดังนี้
- หลักสูตรส่งทางอากาศ AIRBORNE (รร.ศสพ.) รุ่นที่ 229
- หลักสูตรจู่โจม RANGER (รุ่นทั่วไป) รร.ร.ศร. รุ่นที่ 86
- หลักสูตรนักทำลายใต้น้ำจู่โจม (มนุษย์กบ) SEAL/UDT รุ่นที่ 34
- หลักสูตรรีคอน RECON รุ่นที่ 38
- หลักสูตรการปฏิบัติการพิเศษ SPECIAL OPERATION รุ่นที่ 6 (คอมมานโด รุ่นที่ 17 + พีเจ รุ่นที่ 9) เสนาธิการทหารบก ชุดที่ 91
- หลักสูตรทหารเสือราชินี
ประวัติการปฏิบัติราชการสนาม
- นายแพทย์กองกำลัง ไทย-อิรัก 976 ผลัดที่ 2 ปี2547
- นายแพทย์กองกำลังสันติสุข 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ปี2549
- นายทหารฝ่ายเสธ ศูนย์แพทย์ทหารบก จังหวัดชายแดนภาคใต้ ปี2557
สำหรับรายละเอียดนั้น ผมขอคัดลอกบทสัมภาษณ์จากนสพ.ไทยรัฐ ฉบับวันที่ 28
พ.ย.
2557 มาเสนอดังนี้
คุณหมอนักล่าเครื่องหมายคนแรกในประเทศ!
เป็นเรื่องที่น่าสงสัยว่า
ทำไมเป็นหมอแล้วจึงต้องมาฝึกการรบเยอะขนาดนี้
..
หมอภาคย์
ตอบอย่างจริงจังว่า
"หากไม่มีหมอที่เรียนรู้เรื่องรบพิเศษ
ก็จะไม่สามารถนำความรู้มาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับบุคลากรการรบพิเศษได้
และเมื่อได้ไปเรียนรู้ลักษณะงานของแต่ละหน่วย
ทำให้ประยุกต์ใช้ความรู้ทางการแพทย์
การรักษาพยาบาลเข้ามารวมกัน
และยังสามารถแนะนำบุคลากรท่านอื่นๆ
ได้อีกด้วย"
ที่ผ่านมา
มีรุ่นพี่ของหมอภาคย์ที่เรียนแพทย์พระมงกุฎ
ได้ฝึกหลักสูตรจู่โจมพอสมควร
แต่สำหรับหลักสูตรที่เหลือ
ยังไม่มีใครเรียน เพราะฉะนั้น
หมอภาคย์เป็นคนแรกที่เป็นหมอนักรบล่าเครื่องหมายเต็มอกเช่นนี้
ก้าวแรกสู่...หลักสูตรส่งทางอากาศ
AIRBORNE
ตอนเรียนแพทย์ทหารชั้นปีที่
3
หมอภาคย์ได้ไปเรียนหลักสูตรส่งทางอากาศร่วมกับนักเรียนนายร้อย
จปร.
และได้เห็นภาวะความเป็นผู้นำ
จึงรู้สึกชอบที่โรงเรียนนายร้อย
จปร.ผลิตบุคลากรออกมาได้ยอดเยี่ยม
หมอภาคย์เลยใฝ่ฝันว่า
พระมงกุฎจะต้องมีแบบอย่างที่ดี
เพราะว่าเมื่อจบมาก็ต้องเป็นผู้บังคับหน่วยเหมือนกัน
เป็นเหตุให้เริ่มชอบการฝึกทหารตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ทำให้รู้สึกสนุกและมีความสุข
รวมทั้งยังได้เพื่อนทีมีความรักใคร่กลมเกลียวกันอีกด้วย
ก้าวที่สอง...หลักสูตรจู่โจม RANGER เสือคาบดาบว่ากันว่า..โหดสุดของ ทบ.!
ก้าวที่สอง...หลักสูตรจู่โจม RANGER เสือคาบดาบว่ากันว่า..โหดสุดของ ทบ.!
หลังจากเรียนจบแพทย์พระมงกุฎ หมอภาคย์ได้ไปบรรจุที่กองพันรบพิเศษที่ 1 กรมรบพิเศษที่ 5 และมีหลักสูตรพื้นฐาน คือ ร่มกับจู่โจม แต่ร่มเรียนจบแล้ว หมอภาคย์ต้องไปเรียนจู่โจม หรือเสือคาบดาบ ซึ่งช่วงที่ไปเรียนเป็นอาวุโสสูงสุดในรุ่น จึงถูกมอบหมายให้เป็นหัวหน้านักเรียน การเรียนหลักสูตรจู่โจมจะใช้เวลา 10 สัปดาห์ แบ่งเป็น 4 ภาค คือ ภาคที่ตั้ง ภาคป่าที่ราบ ภาคป่าภูเขา ภาคป่าที่ลุ่มทะเล มีทั้งการลาดตระเวน การอ่านแผนที่ เข็มทิศ การใช้อาวุธ การซุ่มโจมตี ความโหดอยู่ตรงที่ต้องว่ายลงในทะเลโคลนหลายกิโลเมตร ตะเกียกตะกายร่วม 5 ชม. กว่าจะขึ้นฝั่งได้ อีกทั้งยังมีลอยคอในทะล เพื่อว่ายเข้าหาฝั่งไกลกว่า 2 ไมล์ทะเล และต้องเดินทางเข้าโจมตีข้าศึกอีกด้วย
หมอภาคย์
เล่าว่า "หลักสูตรจู่โจมสอนทั้งวิชาการและภาคปฏิบัติ
จะมีภาคทะเล ซึ่งมีครูมนุษย์กบมาสอน
ได้เห็นถึงความเข้มแข็งของครูแล้วโดนใจ
ก็เลยเป็นความฝันเก็บไว้ในใจว่าเราจะต้องเป็นหนึ่งในนั้นให้ได้
หลักสูตรจู่โจมทำให้เรามีความเป็นผู้นำหน่วย
ได้เรียนรู้การใช้ชีวิตร่วมกับทีมงาน
และยังทำให้มีความรับผิดชอบเพิ่มมากขึ้นด้วย"
ก้าวที่สาม...หลักสูตรนักทำลายใต้น้ำจู่โจม SEAL/UDT มนุษย์กบ..แกร่งสุดของ ทร. !
ก้าวที่สาม...หลักสูตรนักทำลายใต้น้ำจู่โจม SEAL/UDT มนุษย์กบ..แกร่งสุดของ ทร. !
หลักสูตร
นักทำลายใต้น้ำจู่โจม (SEAL)
หรือ
"มนุษย์กบ"
ถือเป็นหลักสูตรที่โหด
แกร่ง ท้าทาย และหนักที่สุดในบรรดา
หลักสูตรหน่วยรบพิเศษของกองทัพไทย
เพราะภารกิจที่ได้รับมักจะอันตรายและถูกกดดันทางร่างกาย
จิตใจมากที่สุด
เป็นการเรียนความรู้ทั้งหมดที่หน่วยรบพิเศษควรจะรู้
ไม่ว่าจะเป็นดำน้ำ ยิงปืน
ระเบิดทำลาย การลาดตระเวน
และอื่นๆ
ก่อนที่หมอภาคย์ เรียนหลักสูตรมนุษย์กบเป็นหลักสูตรที่เรียนหนักที่สุดถึง 7 เดือน และด้วยความอาวุโสในรุ่น จึงได้เป็นหัวหน้านักเรียนอีกเช่นเคย นอกจากจะมีการทดสอบร่างกายอย่างหนักหน่วง ทั้งแบกเรือยาง แบกซุงขึ้นเขา มัดมือมัดข้อเท้าว่ายน้ำ แล้วยังมีการทดสอบจิตใจที่ต้องเอาชนะความเหนื่อย เพลีย ง่วง หิวให้ได้ รวมไปถึงปัญหาการถูกจับเป็นเชลย โดนกระบวนการรีดข่าวสุดโหดจากบรรดาครูฝึก และเมื่อเข้าสู่การฝึกภาคทะเล ก็จะมีภารกิจมาให้ฝึกฝน โดยต้องพิชิตให้สำเร็จให้ได้ ซึ่งจะเกิดภาวะกดดันกลัวทำไมได้ เพราะหากอยู่ในสถานการณ์จริง เมื่อภารกิจล้มเหลวนั้น อาจหมายถึงชีวิต!
หมอภาคย์ เล่าถึงสัปดาห์นรกที่เคยเผชิญผ่านมาแล้วว่า "ใช้เวลา 120 ชม. โดยไม่มีการพัก ต้องใช้พลังกายและพลังใจสูงมาก เริ่มตั้งแต่เที่ยงคืน ครูฝึกจะไปปลุกโดยการยิงปืนจุดประทัดใช้ระเบิดควันในโรงนอนและลงมารวมตัวกัน ก่อนสั่งให้ลง 'กระทะทองเย็น' ซึ่งเป็นบ่อที่มีน้ำทะเลใส่น้ำแข็งก้อนโต อุณหภูมิโดยประมาณ 0 องศาเซลเซียส หรือต่ำกว่านั้น โดยถอดเสื้อผ้าออกหมดเหลือเพียงกางเกงสเตย์ขาสั้นลงไปแช่ 3-4 นาที จากนั้นขึ้นมาออกกำลังกาย เพื่อให้ร่างกายอบอุ่นและลงไปแช่ในบ่อใหม่ ทำอย่างนี้ทั้งหมด 3 รอบ"
สุดท้ายแล้ว ผู้ที่ฝึกรุ่นหมอภาคย์จากเกือบ 100 คน เหลือยอดมนุษย์กบเพียง 32 คนเท่านั้น ที่ได้รับเครื่องหมายนักทำลายใต้น้ำจู่โจม รูปฉลามคู่กับเกลียวคลื่น
ก่อนที่หมอภาคย์ เรียนหลักสูตรมนุษย์กบเป็นหลักสูตรที่เรียนหนักที่สุดถึง 7 เดือน และด้วยความอาวุโสในรุ่น จึงได้เป็นหัวหน้านักเรียนอีกเช่นเคย นอกจากจะมีการทดสอบร่างกายอย่างหนักหน่วง ทั้งแบกเรือยาง แบกซุงขึ้นเขา มัดมือมัดข้อเท้าว่ายน้ำ แล้วยังมีการทดสอบจิตใจที่ต้องเอาชนะความเหนื่อย เพลีย ง่วง หิวให้ได้ รวมไปถึงปัญหาการถูกจับเป็นเชลย โดนกระบวนการรีดข่าวสุดโหดจากบรรดาครูฝึก และเมื่อเข้าสู่การฝึกภาคทะเล ก็จะมีภารกิจมาให้ฝึกฝน โดยต้องพิชิตให้สำเร็จให้ได้ ซึ่งจะเกิดภาวะกดดันกลัวทำไมได้ เพราะหากอยู่ในสถานการณ์จริง เมื่อภารกิจล้มเหลวนั้น อาจหมายถึงชีวิต!
หมอภาคย์ เล่าถึงสัปดาห์นรกที่เคยเผชิญผ่านมาแล้วว่า "ใช้เวลา 120 ชม. โดยไม่มีการพัก ต้องใช้พลังกายและพลังใจสูงมาก เริ่มตั้งแต่เที่ยงคืน ครูฝึกจะไปปลุกโดยการยิงปืนจุดประทัดใช้ระเบิดควันในโรงนอนและลงมารวมตัวกัน ก่อนสั่งให้ลง 'กระทะทองเย็น' ซึ่งเป็นบ่อที่มีน้ำทะเลใส่น้ำแข็งก้อนโต อุณหภูมิโดยประมาณ 0 องศาเซลเซียส หรือต่ำกว่านั้น โดยถอดเสื้อผ้าออกหมดเหลือเพียงกางเกงสเตย์ขาสั้นลงไปแช่ 3-4 นาที จากนั้นขึ้นมาออกกำลังกาย เพื่อให้ร่างกายอบอุ่นและลงไปแช่ในบ่อใหม่ ทำอย่างนี้ทั้งหมด 3 รอบ"
สุดท้ายแล้ว ผู้ที่ฝึกรุ่นหมอภาคย์จากเกือบ 100 คน เหลือยอดมนุษย์กบเพียง 32 คนเท่านั้น ที่ได้รับเครื่องหมายนักทำลายใต้น้ำจู่โจม รูปฉลามคู่กับเกลียวคลื่น
ก้าวที่สี่...หลักสูตรรีคอน
RECON
นักรบเลือดเหล็ก..โหด
มัน ฮา!
กองพันลาดตระเวนสะเทินน้ำสะเทินบก เป็นหน่วยรบพิเศษ ของหน่วยนาวิกโยธิน แห่งกองทัพเรือ ใช้เวลาฝึก 14 สัปดาห์ แบ่งเป็นภาคที่ตั้ง 5 สัปดาห์ ภาคทะเล 4 สัปดาห์ และภาคป่าภูเขา 4 สัปดาห์ โดยจะเป็นการลาดตระเวนระยะไกล จะปฏิบัติภารกิจใกล้ชายฝั่งทะเลมีการใช้เรือยาง การเดินป่า การดำรงชีพในป่า การเข้าโจมตี
หมอภาคย์
เผยว่า ความโหดคือ การฝึกร่างกาย
โดยการแบกซุงลงทะเล
เดินไปมาหลายชั่วโมง แบกเรือยาง
เดินป่า สารพัดวิธีจนร่างกายอ่อนล้า
ส่วนความมัน คือ
การได้ทำภารกิจเป็นทีมเข้าตีศัตรู
พายเรือไปตามเกาะต่างๆ
รวมไปถึงการล่องใต้เพื่อไปฝึกภาคทะเล
โดยการนั่งเรือออกไปกลางทะเลแล้วพายเรือยางกลับเข้าฝั่ง
เพื่อปฏิบัติภารกิจในการลาดตระเวน
สำหรับความฮานั้น
ครูฝึกจะมีมุกมาเล่นตลอด
เรียกได้ว่า 'ฮาแบบปนหยาดเหงื่อและน้ำตา'
ก้าวที่ห้า...หลักสูตรการปฏิบัติการพิเศษ
SPECIAL
OPERATION (Commando&PJ)
หลักสูตรการปฏิบัติการพิเศษ เป็นการผสมรวมระหว่าง เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการพิเศษ (Commando) และ เจ้าหน้าที่ค้นหาและช่วยชีวิต (Pararescue Jumpers) ใช้เวลาในการฝึก 6 เดือน และก็เป็นอีกหลักสูตรหนึ่งที่หมอภาคย์ได้เป็นหัวหน้านักเรียนอีกเช่นกัน
หมอภาคย์
อธิบายถึงหลักสูตรนี้ว่า
"Commando
จะเน้นการสู้รบในเมือง
เป็นหลักสูตรที่มีการวิ่งเยอะมาก
เคยพูดเล่นๆกับครูฝึกว่า
เหมือนเก็บตัววิ่งทีมชาติเลย'
นอกจากนี้
ยังมีการยิงปืนที่แม่นมาก
ซึ่งตอนแรกที่ไปฝึกยิ่งไม่แม่น
แต่ตอนนี้ก็ยังไม่แน่ใจ
(หัวเราะ)
ส่วน
PJ
มีหน้าที่ค้นหาและกู้ภัย
ในพื้นที่เข้าถึงลำบาก เช่น
ฮ.ตก
เครื่องบินตก พื้นที่ป่าเขา
จำเป็นที่จะต้องกระโดดร่มไปช่วย
และต้องมีความสามารถในการปฐมพยาบาลช่วยเหลือผู้บาดเจ็บได้
พร้อมกับความสามารถในการเดินป่า"
ก้าวสุดท้ายที่กำลังจะคว้ามา...ทหารเสือราชินี เกียรติประวัติอันสูงสุด
ก้าวสุดท้ายที่กำลังจะคว้ามา...ทหารเสือราชินี เกียรติประวัติอันสูงสุด
ผู้ที่สำเร็จการฝึกหลักสูตรทหารเสือทุกนาย จะได้รับพระราชทานเครื่องหมายแสดงขีดความสามารถทหารเสือ จากสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ องค์ผู้บังคับการพิเศษ กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ ซึ่งเป็นที่ภาคภูมิใจและเป็นเกียรติประวัติแก่วงศ์ตระกูลเป็นอย่างมาก ซึ่งหมอภาคย์ตั้งใจไว้ว่าจะทำให้
หมอภาคย์ ชี้แจงว่า "ตอนนี้มีหน้าที่หลักต้องรับผิดชอบดูแลชีวิตกำลังพล และเพิ่งมารับตำแหน่งได้ไม่นาน จึงต้องทำภารกิจให้ลุล่วงไปก่อน ถ้ามีจังหวะดีๆ เมื่อไหร่ จะไปฝึกแน่นอน ขณะที่ผู้บังคับบัญชาท่านมีความเมตตา และมีความเป็นนักรบมาก ท่านได้อนุญาตให้ไปทดสอบร่างกายและก็ผ่านเรียบร้อย ท่านขอให้ปฏิบัติภารกิจในหน้าที่ที่รับผิดชอบส่วนนี้ให้เรียบร้อย ก่อนที่จะไปฝึกตามความใฝ่ฝัน"
***(อัพเดทข้อมูล : เนื่องจากบทสัมภาษณ์นี้เป็นการสัมภาษณ์เมื่อปลายปีพ.ศ.2557 ซึ่งในปัจจุบันหมอภาคย์ได้สำเร็จหลักสูตรทหารเสือราชินีไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อปีที่แล้ว)
นักล่าเครื่องหมาย...
-นักเรียนแพทย์ทหารวิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า
รุ่นที่ 23
-หลักสูตรส่งทางอากาศ
AIRBORNE
(รร.ศสพ.)
รุ่นที่
229
-หลักสูตรจู่โจมRANGER
(รุ่นทั่วไป)
รร.ร.ศร.
รุ่นที่
86
-หลักสูตรนักทำลายใต้น้ำจู่โจม
(มนุษย์กบ)
SEAL/UDT รุ่นที่
34
-หลักสูตรรีคอน
RECON
รุ่นที่
38
-หลักสูตรการปฏิบัติการพิเศษ
SPECIAL
OPERATION รุ่นที่
6
(คอมมานโด
รุ่นที่ 17
+ พีเจ
รุ่นที่ 9)
-เสนาธิการทหารบก
ชุดที่ 91
***(อัพเดทข้อมูล : -หลักสูตรทหารเสือราชินี ปีพ.ศ.2560)สำหรับรายละเอียดหลักสูตรรบพิเศษของไทย สามารถย้อนกลับไปอ่านกันได้ที่ http://monsoonphotonews.blogspot.com/2018/07/blog-post.html
*********************************
เครดิต : ขอขอบคุณข้อมูลจาก
- PPTVHD36
- นสพ.ไทยรัฐ
No comments:
Post a Comment