เฟซบุ้คเพจ

เพิ่มเติมอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับช่องสื่อสารผ่านเฟสบุค https://www.facebook.com/monsoonphotonewspage/ ด้วยข่าวสั้นจากสำนักข่าวต่างๆ ทั่วโลก รวดเร็วทันเหตุการณ์

Saturday, January 19, 2019

การจัดหาเครื่องบินรบใหม่ของประเทศแคนาดา


วันนี้ 19 มกราคม นับเป็นฤกษ์ดีที่จะนำเสนอบทความแรกของปีนี้ โดยเรื่องทีจะนำเสนอนี้ยังไม่เป็นที่กล่าวขานในการพูดคุยที่เมืองไทยกันมากนักเพราะยังไม่ใกล้เวลาเริ่มการแข่งขัน นั่นก็คือกลางปีนี้

แต่ก็อยากจะหยิบยกนำมาเสนอเรียกน้ำย่อยกันก่อน เนื่องจากเครื่องบินที่น่าจะมีโอกาสที่สุดของโครงการนี้ก็คือ ดาวรุ่งพุ่งแรงดวงใหม่ในวงการเครื่องบินขับไล่ F-35

สำหรับเครื่องบินขับไล่ F-18 ของแคนาดามีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการ(ทหาร)ว่า CF-188 แต่ในบทความนี้จะใช้คำว่า CF-18 แทนเพราะคำนี้เป็นที่คุ้นเคยกับคนไทยมากกว่า


รัฐบาลแคนาดาเปิดเผยร่างข้อมูลการประกวดราคา สำหรับเครื่องบินขับไล่จำนวน 88 ลำอันมีมูลค่าราว 20,000ล้านเหรียญสหรัฐ คาดว่าผู้เข้าร่วมแข่งขันน่าจะเป็น
  • เครื่องบิน EuroFighter ไต้ฝุ่น
  • เครื่องบิน Rafale ของบริษัท Dassault ประเทศฝรั่งเศส
  • เครื่องบินกริพเพน JAS-39 ของบริษัทSaabประเทศสวีเดน
และในส่วนของประเทศสหรัฐน่าจะมี
  • เครื่องบิน F-18 Super Hornet จากบริษัทโบอิ้งและ
  • เครื่องบินขับไล่รุ่นล่าสุด F-35 ของบริษัทล็อกฮีดมาร์ติน
รัฐบาลประเทศแคนาดาได้อนุมัติเงินจำนวน 19 พันล้านสำหรับเครื่องบินขับไล่รุ่นใหม่จำนวน88ลำในฤดูใบไม้ผลิ แต่ว่ายังไม่สามารถจะเลือกผู้ชนะการประมูลได้จนกว่าจะถึงปี พ..2564 หรือ 2565 และเครื่องบินขับไล่รุ่นใหม่กว่าจะได้รับก็ราวปีพ..2568
แต่ไม่ทันไรเมื่อ วันที่ เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว(..2561) รัฐบาลฝรั่งเศสได้ยืนยันอย่างเป็นทางการต่อประเทศแคนาดา ในการถอนตัวของเครื่องบินราฟาเอล จากการที่จะเข้าร่วมแข่งขันในโครงการนี้
เครื่องบินราฟาเอลของบริษัทDassault ประเทศฝรั่งเศส ราคาลำละ 106 ล้านเหรียญสหรัฐ
ส่วนเหตุผลในการถอนตัวนั้นเท่าที่ขุดค้นได้ ก็คือ ร่างคำขอสำหรับข้อเสนอและข้อกำหนดของแคนาดาในการแบ่งปันข้อมูลและการทำงานร่วมกันกับหน่วยข่าวกรองของกองกำลังสหรัฐ ยากที่จะปฏิบัติได้

แม้ว่าข้ออ้างของบริษัท Dassault จะดูเหมาะสมกลมกลืน แต่ก็มีข้อสันนิษฐานอื่นอีกนั่นก็คือโอกาสที่จะมีชัยชนะเหนือเครื่องบิน F-35 มีน้อย สืบเนื่องมาจากผลประโยชน์ด้านอุตสาหกรรมของแคนาดา
สิ่งสำคัญประการหนึ่งที่จะทำให้เครื่องบินขับไล่แบบ F-35 ของสหรัฐชนะในโครงการนี้ก็คือ อุตสาหกรรมส่วนประกอบของเครื่องบิน F-35 ที่ประเทศแคนาดาสามารถหาผลประโยชน์ได้จากอุตสาหกรรมในเรื่องนี้
ภาคอุตสาหกรรมของประเทศแคนาดามีส่วนร่วมในโปรแกรมเครื่องบินขับไล่
F-35 มีมูลค่าถึง 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐและมากกว่า 110 บริษัทของแคนาดาได้มีสัญญาเกี่ยวพันกับ โครงการเครื่องบิน F-35
สำหรับผลจะเป็นอย่างไร พวกเราก็คงต้องติดตามและรอลุ้นกันต่อไป
คลิกที่ภาพเพื่อขยาย


ย้อนกลับมานำเสนอกองทัพอากาศประเทศแคนาดากันบ้าง
ประเทศแคนาดามีพื้นที่ทั้งหมด 9,976,140 ตารางกิโลเมตร(3.855 ล้านตารางไมล์)ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก
กองทัพอากาศแคนาดามีเครื่องบินขับไล่อยู่แบบเดียวที่ประจำการอยู่ในกองทัพ นั่นก็คือเครื่องบิน CF-18 ซึ่งเคยมีจำนวนทั้งหมด 138 ลำ แต่ถูกจำหน่ายรวมทั้งถูกปลดประจำการไปปัจจุบันคงเหลืออยู่ทั้งสิ้น 76 ลำ(ข้อมูลจากวิกิฯ)

ทั้งนี้หากเปรียบเทียบกับประเทศไทยที่มีอาณาบริเวณพื้นที่ทั้งหมด 513,115 ตารางกิโลเมตร(198,117ตารางไมล์ซึ่งเล็กกว่าประเทศแคนาดถึง 19 เท่าตัว
กองทัพอากาศไทยมีเครื่องบินขับไล่ประจำการทั้งหมด แบบรวมจำนวน 98 ลำ

  • เครื่องบิน JAS-39 จำนวน 11 ลำ
  • เครื่องบิน F-16 จำนวน 53 ลำ
  • เครื่องบิน F-5 จำนวน 34 ลำ
เมื่อเทียบจำนวนดูแล้วจะเห็นว่ากองทัพอากาศแคนาดามีเครื่องบินขับไล่น้อยมาก และจำนวนเครื่องบิันขับไล่รุ่นใหม่ที่จะจัดหาก็แค่ 88 ลำ ทำไมถึงเป็นเช่นนี้

คำตอบก็คงเป็นเพราะแคนาดามีพื้นที่ต้องเฝ้าระวังเพียงแค่ด้านเดียวคือฝั่งตะวันออกของประเทศ ด้านมหาสมุทรแอตแลนติก

ส่วนฝั่งตะวันตกนั้นมีประเทศสหรัฐฯ เป็นกันชนคุ้มครองอยู่(รัฐอลาสก้า)

แต่ด้วยพื้นที่ที่กว้างใหญ่กองทัพอากาศแคนาดาจึงเสริมทัพด้วยเครื่องบินเติมน้ำมันเพื่อให้เครื่องบินขับไล่
CF-18 สามารถปฏิบัติการได้ครอบคลุมพื้นที่ โดยเครื่องบินเดิมเชื้อเพลิงของแคนาดามีรวมกันถึง17ลำ ประกอบด้วย
  • เครื่องบินเจ็ทลำเลียงและเติมเชื้อเพลิงทางอากาศ Airbus CC-150 & CC-150T Polarisจำนวน5ลำ
  • เครื่องบินใบพัดภารกิจค้นหาและกู้ภัยรวมทั้งเติมเชื้อเพลิงทางอากาศ Lockheed CC-130 Herculesจำนวน12ลำ


เมื่อปลายปีที่แล้ว(..2561)จากการมีปัญหาทางด้านภาคอุตสาหกรรมระหว่างประเทศแคนาดาและสหรัฐเกี่ยวกับเครื่องบิน Bombard ของแคนาดา ทำให้ประเทศแคนาดาตัดสินใจสั่งซื้อเครื่องบินมือสอง F-18 จากประเทศออสเตรเลีย ทั้งสิ้นจำนวน 25 ลำโดยแบ่งเป็น 18 ลำมาใช้เพื่อขัดตาทัพระหว่างช่วงต่อของการเปลี่ยนแบบเครื่องบิน และอีก ลำสำหรับเอาไว้เป็นอะไหล่



แต่ก็มีเรื่องที่น่าตกใจเกี่ยวกับนักบินของกองทัพอากาศแคนาดา ด้วยปีงบประมาณที่แล้ว(..2561) นักบินจำนวน 28 เปอร์เซ็นต์ของนักบินขับไล่กองทัพอากาศแคนาดามีชั่วโมงการบินต่ำกว่ามาตรฐานขั้นต่ำที่จะธำรงรักษาขีดความสามารถทักษะในการรบ และอีก 22 เปอร์เซ็นต์ของช่างเทคนิคสำหรับกองบิน CF-18 มีอัตราว่างเปล่า หรือไม่ก็ถูกบรรจุด้วยเจ้าหน้าที่ที่ไม่มีประสบการณ์

นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าระหว่างเดือนเมษายนปีพ..2560 และจนถึงเดือนมีนาคมปีพ.ศ.2561 กองทัพอากาศได้สูญเสียนักบินครูฝึกจำนวน 40 นายและผลิตนักบินใหม่ได้เพียง 30 นายตั้งแต่นักบิน 17 นายได้ลาออกหรือมีแผนที่จะลาออกจากกองทัพ

และในระหว่างนั้นแม้แคนาดาจะมีแผนในการใช้จ่ายจำนวน 3,000 ล้านเหรียญเพื่อที่จะบำรุงรักษาให้เครื่องบินสามารถใช้ต่อไปได้อีกราว 10 ปี แต่ก็มีเรื่องกังวลเกี่ยวกับเครื่องบิน CF-18 และเครื่องบินที่ซื้อมาจากประเทศออสเตรเลียจะมีความล้าสมัยมากขึ้นตามไปด้วย ทั้งนี้เพราะเครื่องบิน CF-18 ของแคนาดาเองก็ได้รับการปรับปรุงมาหลายครั้ง จนยืดอายุได้ถึงปีพ..2575
อย่างไรก็ตามในการปรับปรุงและยืดอายุเครื่องบินขับไล่ของแคนาดา ถูกจำกัดด้วยงบประมาณทำให้ขีดความสามารถของเครื่องบินแคนาดา ยังไม่สมบูรณ์เช่นในด้านของเรดาร์ aesa ที่จะช่วยในการจับเป้าหมายข้าศึกในระยะที่ไกลขึ้น รวมทั้งเรด้า RABR ของ Raytheon หรือเรดาร์ SABR ของ Northrop Grumman



คราวนี้ลองไปดูประสบการณ์ของประเทศอื่นที่ได้รับเครื่องบินขับไล่รุ่นใหม่ของโลก F-35 ลำนี้ไปใช้กันแล้วบ้างว่าเป็นอย่างไร

ประเทศนอร์เวย์ได้รับเครื่องบินเครื่องบิน 
F-35 ไปประจำการแล้ว โดยกำหนดให้เข้าร่วมฝึก ซ้อมการรบในยุทธการ Trident Juncture 2018 เมื่อวันที่ 30 ตุลาคมปีที่แล้ว แต่ปรากฏว่าเครื่องบิน F-35 ของกองทัพอากาศนอร์เวย์ไม่มาปรากฏตัว

ผู้บังคับการฝูงบินที่ 332 ของ Royal norwegian Air Force พันโทStale Nymoen กล่าวว่า ครอสวินด์(crosswind) คือเหตุผลหลักที่ทำให้ต้องยกเลิกการบินออกไป

ขยายความเหตุผลในเรื่อง crosswind ก็คือกองทัพอากาศนอร์เวย์ได้รับเครื่องบิน F-35 จำนวน 2 ลำแรกในเดือนกันยายนปีพ..2558 และได้ประจำการอยู่ที่ฐานทัพอากาศ Luke ในเมืองฟีนิกซ์ รัฐแอริโซนา ที่ซึ่งนักบินกองทัพอากาศของนอร์เวย์และสหรัฐฯ รวมทั้งอิตาเลียนได้ฝึกร่วมกัน
จวบจนเดือนพฤศจิกายนปีพ
..2560 เครื่องบินล่องหน F-35 จึงได้มาเข้าถึงประจำการในประเทศนอร์เวย์ที่ฐานทัพอากาศ Ørland

ในการให้สัมภาษณ์นี้ว่าสิ่งที่แตกต่างจากฐานทัพอากาศลุคที่ที่เราฝึกซ้อมกัน กับฐานทัพอากาศโอแลนด์ในประเทศนอร์เวย์สิ่งที่ต่างกันก็คือ อุณหภูมิ สภาพอากาศ น้ำแข็ง และความลื่นบนทางวิ่ง รวมทั้งกระแสลม



นัยในเรื่องนี้อาจตีความได้ว่า นักบินของนอร์เวย์ยังไม่ชำนาญในการบิน F-35 ขณะที่มีลมปะทะด้านข้าง หรือ เครื่องบิน F-35 มีปัญหาด้านสมรรถนะกับลมปะทะด้านข้าง


ทั้งหมดนี้ก็คือบทความต้อนรับปีใหม่ ปีหมูทอง ขอให้ท่านผู้อ่านทุกท่านมีความสุขตลอดปีพ..2562นี้ … สวัสดี


No comments:

Post a Comment