แนวคิดเรื่อง
iWatch ของบ.
Apple นั้นไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นใหม่แต่อย่างใด
ทั้งนี้เพราะในอดีตได้มีแนวคิดแบบนี้มาแล้วและมีบริษัทมากมายได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ประเภทนี้ขึ้นมา
วันนี้เราจะมาเจาะลึกกันในเรื่องของ
Smart Watch
นาฬิกาดิจิตอลในยุคแรกเริ่มเลย
ก็คือนาฬิกา Mimo Loga
ที่ผลิตออกมาในปี
1941(พ.ศ.2484)
ถือเป็นนาฬิกาดิจิตอลเรือนแรก
เพราะสามารถคำนวณเลขได้
ถึงแม้ว่ามันจะยังไม่ได้ใช้กลไกอิเลคโทรนิคใดช่วย
เพียงแค่ใช้ตารางลอการึทึมตัวเลขที่หน้าปัดหมุนช่วยในการคำนวณอย่างง่ายๆ
นาฬิกาเรือนที่สองที่นับว่าเป็นนาฬิกาอัจริยะก็คือ
Hamliton Pulsar ปี1972
ที่ใช้หน้าปัดเป็นตัวเลขสีแดง
ซึ่งภายหลังต่อมาอีก 3
ปีก็ออกนาฬิการุ่นที่มีเครื่องคิดเลขในตัว
ปี 1975
ข้อมูลจาก
www.newyorker.com
อ้างว่า
นาฬิกาอัจริยะเรือนแรกจริงๆ
น่าจะเป็น Seiko FX003 หรือ
M354 เพราะเป็นนาฬิกาที่หน้าปัดบอกมากกว่าแค่เวลา
คือบอกข้อมูลอื่นๆ ได้ด้วย
พอมาถึงปี
1983 ยักษ์ใหญ่วงการนาฬิกาของญี่ปุ่นคือ
Seiko
ก็ออกผลิตภัณฑ์นาฬิการที่มีระบบคอมพิวเตอร์ตัวแรกออกมาคือ
Seiko D409
ที่สามารถบรรจุตัวอักษรลงไปในนาฬิกาได้
112 ตัวอักษร
Seiko D409 |
และพัฒนามาเป็นรุ่น UC 2000 ในปี 1984 ที่เชื่อมต่อกับคีย์บอร์คที่แยกจากกันได้
UC 2000 |
และในปี
1985 บ.Epson
ก็ได้ปฏิวัติวงการนาฬิกาอัจริยะด้วยนาฬิกาที่สามารถโหลดโปรแกรมอื่นๆลงไปได้
ซึ่งเป็นครั้งแรกของนาฬิกาอัจริยะที่สามารถรันแอพฯได้
(applications) มันคือ
Zilog Z80's RC-20
Epson RC-20 |
ปี
1994 บ.Timex
ได้ออกนาฬิการุ่น
Data Link 150
ซึ่งเป็นนาฬิกาอัจริยะเครื่องแรกที่สามารถเชื่อมต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์
รวมทั้งสามารถรับส่งข้อมูลผ่านระบบไร้สาย(
Wireless Data Tramission)
Data Link 150 |
ปี
1998 หลังจากที่บ.Epson
ได้นำเสนอแนวคิดในรูปแบบของนาฬิกา
RC-20 มากว่า
10 ปี
บ. Seiko ก็กลับมาอีกครั้งพร้อมกับนาฬิกาอัจริยะ
Ruputer ที่มีซีพียูขนาด
16 บิทความเร็ว 3.6MHz แรมขนาด
128KB และหน่วยความจำขนาด
2MB
พอปี
2000 ยักษ์วงการคอมพิวเตอร์ของอเมริกาอย่าง
IBM ก็เข้าร่วมด้วยการส่ง
IBM Linux Watch ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ
Linux ที่มีแรมขนาด
8MB และหน่วยความจำแบบ
Flash ขนาด
8MB และปี
2001 ก็ออกผลิตภัณฑ์ต้นแบบที่ร่วมมือกับบ.
Citizen ของญี่ปุ่น
ตามมาคือ IBM WatchPad 1.5
ซึ่งใช้ซีพียูแบบ
ARM ขนาด
74MHz
ซ้ายคือ Linux Watch และขวาคือ WatchPad 1.5 |
นอกจากนี้ในปี
2001 ยังมีบริษัทเล็กๆ
ในฮ่องกงบริษัทหนึ่งชื่อ
Hong Kong World Network Ltd
ได้นำเสนอนาฬิกาอัจริยะชื่อ
Web-@nywhere
แต่การผลิตจำกัดแค่ตามคำสั่งซื้อเท่านั้น
(mail-order)
ทำให้น้อยคนนักจะรู้จัก
ผลิตภัณฑ์นี้สามารถโหลดอักษรจำนวน
128 KB จากเว็บไซด์ต่างๆ
มาอ่านได้ โดยอ่านได้ทีละ
18ตัวในสองบรรทัด
ปี
2002 นาฬิกาแฟชั่นแบรนด์เนมดังอย่าง
Fossil ก็เข้าร่วมวงด้วยการส่ง
FX 2001
นาฬิกาอัจริยะที่สามารถแสดงข้อมูลได้เหมือนเครื่อง
PDA ที่ใช้ระบบ
Palm OS
ปี 2003 บ.Timex กลับมาอีกครั้งด้วยการปรับปรุง Data Link 150 ให้ดียิ่งขึ้นเป็น Ironman Data Link USB ที่นำการส่งผ่านข้อมูลทาง USB มาใช้ โดยสามารถโหลดโปรแกรมต่างมาใช้บนจอแบบ dot-matrix LCD |
Ironman Data Link USB |
ปี
2004
ถึงคราวเจ้าพ่อแห่งวงการซอฟแวร์โลกออกตัวกันบ้าง
บ.Microsoft ได้สร้างสรรค์บริการที่เรียกว่า
Smart Personal Object Technology (SPOT)
ที่สามารถรับชมข่าวและพยากรณ์อากาศได้ทาง
MSN Direct โดยผ่านคลื่นความถี่ของวิทยุ
FM แต่จำกัดแค่ในเมืองสำคัญใหญ่ๆ
แค่นั้น ซึ่งมีนาฬิกาอัจริยะอีก
2 ยี่ห้อดังที่มาร่วมใช้บริการ
SPOT ในการรับชมข่าวสารข้อมูล
คือ Suunto n3 และ
Fossil Abacus AU4000
แม้ในภายหลังจะมีนาฬิกาบางรุ่นของ
Tissot และ
Swatch มาใช้บริการ
แต่ก็ไม่ค่อยได้รับความนิยมนัก
บ.Microsoft จึงปิดบริการลงในปี
2008
ซ้ายคือ Suunto n3 และขวาคือ Fossil Abacus AU4000 |
ปี
2005 นั้นบ.
Fossil
ได้ออกนาฬิกาอัจริยะที่ได้แถลงไว้ตั้งแต่การเปิดตัวนาฬิกาอัจริยะรุ่นแรกเมื่อปี
2002
ซึ่งแถลงไว้ว่าจะออกนาฬิกาที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า
FX 2001 แต่ติดขัดเรื่องการผลิตทำให้มาออกในปีนี้
ซึ่งก็คือ FX 2008 อย่างไรก็ดี
FX 2008 ก็ไม่ค่อยเป็นที่พอใจของท้องตลาดนัก
FX 2008 |
ปี
2007 หลังจากที่
Fossil ออกนาฬิกาที่เชื่อมผ่านข้อมูลด้วยระบบ
Palm OS และ
Timex ออกนาฬิกาที่เชื่อมผ่านข้อมูลด้วยระบบ
USB กันไปแล้ว
ถึงคราวบ. Citizen
ออกนาฬิกาอัจริยะที่เชื่อมผ่านข้อมูลด้วยระบบ
Bluetooth
ปี
2010 บ.Apple
ได้เปิด
iPod nano Gen 6th (ยุคที่
6) บริษัทผลิตอุปกรณ์เสริมสำหรับ
iPod คือบ.Griffin
ก็ออกสายคาดสำหรับใช้กับ
iPod G6 ออกมาคือ
Griffin Slap ซึ่งทำให้
iPod G6 กลายเป็นนาฬิกาอัจริยะยุคใหม่ไปเลย
ไม่ใช่เพียงแค่บ.
Griffin เท่านั้นหนึ่งเดือนใหัหลัง
กลุ่ม Kickstarter project
ก็สร้างสายคาดข้อมือสำหรับ
iPod G6 ปล่อยออกสู่ตลาดเหมือนกัน
คือ TikTok+LunaTik
ในปีเดียวกันนี้
บ. Sony Ericsson
ก็มีการออกข่าวว่าจะออกอุปกรณ์คาดข้อมือที่ใช้จอแบบ
OLED
ซึ่งเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือที่รันด้วยระบบแอนดรอย
ผ่านทาง bluetooth
แต่ก็ไม่มีเห็นผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจนกระทั่งปี
2012 บ.
Sony ก็ปล่อยผลิตภัณฑ์ชื่อ
Sony
SmartWatch ที่ใช้จอ
OLED
ออกมาสู่ตลาด
สำหรับปีนี้ก็มีข่าวลือออกมาว่าบ.
Pebble Technology จะร่วมมือกับ
Kickstarter project
ผลิตนาฬิกาอัจริยะต้นแบบออกมาใช้ชื่อ
E-paper
watch
แต่ก็ยังไม่เห็นผลิตภัณฑ์ดังกล่าวออกมาแต่อย่างใด
E-paper |
ขอบคุณข้อมูลจาก
http://tech.sina.com.cn และ
http://www.macworld.com.au
สำหรับบริษัทยักษ์ใหญ่ของเกาหลีอย่าง
Samsung ก็เข้าร่วมตลาดด้วยการส่ง
Samsung SPH-WP10 ลงสู่ตลาดในปี
1999 แต่อาจเป็นเพราะว่าไปจัดอยู่ในกลุ่ม
Smart Phone
เลยไม่ถูกนำมาร้อยเรียงเข้าในประวัติศาสตร์ของ
Smart Watch
ครั้นพอปี
2009 ก็ออกผลิตภัณฑ์อีกชิ้นหนึ่งออกมาคือ
Samsung S9110 แต่ก็ยังจัดอยู่ในกลุ่ม
Smart Phone
อีก
ยังไงก็ขอเอามาเพิ่มเติมรวมกันไว้ในที่นี้ด้วยเลย
แต่อย่างไรก็ดีทางซัมซุงก็มีแผนงานที่ชัดเจนกับผลิตภัณฑ์
Smart Watch นั่นคือ
Galaxy Altius ไว้รอชมกันดู
Galaxy Altius |
สำหรับการจัดเรียงประวัติศาสตร์ของนาฬิกาอัจริยะนี้เป็นการนำข้อมูลที่เป็นวิวัฒนาการหลักๆ
มาเรียงให้เห็นภาพ
แต่หากจะเรียงตามความสามารถหรือจำแนกกลุ่มให้ชัดเจน
ผลที่ออกมาก็เปลี่ยนแปลงไปอีก
เช่น ประวัติศาสตร์ของนาฬิกาคว๊อซส์
ประวัติศาสตร์ของนาฬิกาจอตัวเลข
ประวัติศาสตร์นาฬิกาออโตเมติก
เป็นต้น
นอกจากนี้ก็ยังมีบทความเกี่ยวเนื่องกันชื่อ
วัตกรรมใหม่
ปี 2013
ใครยังไม่ได้ติดตามอ่านก็สามารถย้อนไปอ่านกันได้ที่
No comments:
Post a Comment