เฟซบุ้คเพจ

เพิ่มเติมอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับช่องสื่อสารผ่านเฟสบุค https://www.facebook.com/monsoonphotonewspage/ ด้วยข่าวสั้นจากสำนักข่าวต่างๆ ทั่วโลก รวดเร็วทันเหตุการณ์

Tuesday, March 26, 2013

ปืนไรเฟิลจู่้โจมสังหารของอินโดนีเซีย

เมื่อปีพ.ศ.2511 ประเทศไทยได้สั่งซื้อปืนไรเฟิลจู่โจมสังหารที่ทันสมัยในขณะนั้นจะเยอรมัน และได้ซื้อสิทธิบัตรมาผลิตในประเทศด้วย ปืนนั้นคือ HK33 โดยให้ชื่อว่า ปลย.11 (ปืนเล็กยาวแบบ 11) ต่อมาภายหลังในปีพ.ศ.2530 ได้มีการยกเลิกพรบ.ผลิตอาวุธปืน ทำให้การผลิตปืน ปลย.11 ได้สิ้นสุดลงไปด้วย
ซึ่งหากทางการมองการไกลและวิัจัยพัฒนา ประเทศไทยก็อาจจะมีปืนไรเฟิลจู่โจมสังหารเป็นของตนเองนานแล้ว

วันนี้ขอนำเสนอประวัติปืนไรเฟิลจู่โจมสังหารของประเทศอินโดนีเซียที่สร้างขึ้นเองภายในประเทศ เขาก็เริ่มต้นคล้ายๆ กับกรณีปลย.11 ของเรา แต่ต่างกันตรงที่ประเทศเขาพัฒนาต่อยอดออกไป


ปืนไรเฟิลจู่โจมสังหารของอินโดนีเซีย
ปืนไรเฟิลจู่โจมสังหาร Pindad ของอินโดนีเซียนั้น พัฒนามาจากปืน FNC ของประเทศเบลเยี่ยม โดยอินโดนีเซียได้สั่งซื้อปืน FNC เป็นจำนวน 10,000 กระบอกในปี 1982 และได้ขอใบอนุญาตสร้างปืน FNC ภายในประเทศในปี 1984
ใช้ชื่อว่า SS1 (ย่อมาจากภาษาอินโดฯSenapan Serbu 1 หรือปืนไรเฟิลจู่โจมสังหาร 1) สร้างโดยบ.PT PindadในเมืองBandung โดยมีการปรับปรุงให้ตรงกับความต้องการของกองทัพ และนำเข้าประจำการทั้ง 3 เหล่าทัพรวมทั้งหน่วยตำรวจในปี 1991
ปืน SS1 เป็นปืนคาร์ไบน์อัตโนมัติปฏิบัติงานด้วยระบบแก็ส พานท้ายปืนพับได้ ออกแบบตามมาตรฐานนาโต้ สามารถเลือกการยิงได้ 3 โหมด(ยกเว้นปืนรุ่น SBC1 = Senapan Bea Cukai 1 )คือ ยิงทีละนัด, ยิงทีละ 3 นัดและยิงแบบอัตโนมัติปืน Pindad SS1 สามารถติดตั้งเครื่องยิงลูกระเบิด SPG-1A ใต้ลำกล้องปืนได้ โดยเครื่องยิงลูกระเบิด SPG-1A เป็นการออกแบบและผลิตเองภายในประเทศอินโดนีเซียปืน Pindad SS1 นี้ส่งออกขายไปยังประเทศเขมรในปี 1991 ประเทศมาลี ประเทศไนจีเรีย และสาธารณรัฐอาหรับเอมิเรต์
ต่อมาในปี 2006 สื่อมวลชนได้เริ่มเห็นภาพปืนไรเฟิลรุ่นใหม่ของอินโดฯ นั่นคือปืนไรเฟิลจู่โจมสังหาร Pindad SS2 นักวิเคราะห์กล่าวว่าปืนไรเฟิลใหม่ Pindad SS2 นี้แตกต่างจากปืนต้นแบบ FNC เพียงแค่ลำกล้องสั้นลง 11 มม.ทั้งนี้เพื่อให้เหมาะสมกับร่างกายของคนเอเซีย ระบบกลไกต่างคงยังเหมือนเดิม
กองทัพบกของอินโดฯ ได้สั่งซื้อปืนไรเฟิลใหม่ Pindad SS2 จำนวน 15,000 กระบอกในปี 2005 เพื่อนำเข้าทดแทนปืนไรเฟิล Pindad SS1 และได้สั่งซื้อเพิ่มเติมอีก 10,000 กระบอกในปี 2006
และในปัจจุบันปืนไรเฟิลจู่โจมสังหาร Pindad SS2 ได้เริ่มนำเข้าประจำการทดแทนปืน SS1 ในทุกเหล่าทัพรวมทั้งหน่วยตำรวจแล้วนอกจากนี้ประเทศบรูไน และประเทศอิรัค ก็สนใจที่จะสั่งซื้อเข้าไปใช้ในกิจการกองทัพของตนเองอีกด้วย
สำหรับการพัฒนาอื่นๆ นั้น .Pindad ก็ได้พัฒนาปืนไรเฟิลจู่โจมสังหาร Pindad SS3 และมีโครงการ Pindad SS4 โดยปืน SS3 จะเป็นปืนในระบบ Bullpup และปืน SS4 จะเป็นปืนที่ใช้กระสุนขนาด 7.62x51mm NATO

No comments:

Post a Comment