เฟซบุ้คเพจ

เพิ่มเติมอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับช่องสื่อสารผ่านเฟสบุค https://www.facebook.com/monsoonphotonewspage/ ด้วยข่าวสั้นจากสำนักข่าวต่างๆ ทั่วโลก รวดเร็วทันเหตุการณ์

Sunday, April 27, 2014

สหรัฐส่งกำลังพลร่มเข้าไป 4 ประเทศในยุโรป

จากสถานการณ์ของประเทศยูเครน ที่ถูกกองกำลังทหารของรัสเซียบุกเข้ายึดครองพื้นที่ต่างๆทางด้านตะวันออกของประเทศ และสถานการณ์ยังไม่มีแนวโน้มว่าจะคลี่คลายได้แต่อย่างใด
ประเทศสหรัฐอเมริกาจึงได้ส่งกำลังทหารเข้าไปใน 4 ประเทศยุโรป ราว 600 นาย
การรุกรานของรัสเซียเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2014 จวบจนถึงปัจจุบัน มาดูการเปรียบเทียบกำลังระหว่างประเทศยูเครนกับประเทศรัสเซีย

ก็คงต้องศึกษาที่ตั้งของประเทศยูเครนกันก่อนว่าถูกล้อมรอบด้วยอะไรบ้าง
ทิศเหนือของยูเครนมีพรมแดนติดกับประเทศเบลลารุสซึ่งเป็นมิตรกับรัสเซีย
ทิตตะวันออกมีพรมแดนติดกับประเทศรัสเซีย
ทิศตะวันตกมีพรมแดนติดกับประเทศโปแลนด์, เชคฯ, ฮังการี, โรมาเนีย และมอลโดวา
ทิศใต้ คือทะเลดำ และทะเลอะซอฟ

รัสเซียวางแผนบุกเข้าประเทศยูเครนจากทางทิศเหนือ ทิศตะวันออก และทางทิศใต้

ซึ่งจะแบ่งภาคตะวันออกและใต้ออกจากยูเครน
ในขณะนี้รัสเซียได้ยึดครองไครเมีย พร้อมทั้งสะสมกำลังพลและยุทโธปกรณ์ รวมทั้งเครื่องบินรบ เตรียมพร้อมที่จะรุกรานตามแผนเมื่อได้รับคำสั่ง นอกจากนี้รัสเซียยังได้ซ้อมรบ และเสริมกำลังทหารตลอดแนวชายแดนทางทิศเหนือและตะวันออกของยูเครน

การที่รัสเซียาางแผนไว้เช่นนี้ ก็เพราะมุ่งหวังจะได้รับแรงสนับสนุนจากผู้คนในท้องถิ่นซึ่งมีเชื้อสายรัสเซีย เมื่อดูสภาพประเทศยูเครนแบ่งตามภาษาที่พูด ประกอบจะเป็นดังนี้

หากลองนึกย้อนกลับไป เหตุการณ์ที่รัสเซียรุกรานประเทศเพื่อนบ้านเช่นนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้ว และครั้งล่าสุดนั่นก็คือประเทศจอร์เจีย เมื่อปี ค..2008 ทั้งนี้ประธานาธิบดีปูตินมีความตั้งใจที่ทำให้ประเทศรัสเซียกลับมาเป็นผู้ยิ่งใหญ่มหาอำนาจอีกครั้ง ดังนั้นเหตุการณ์เช่นนี้คงอาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา

ครั้นหากพิจารณากำลังทหารประเทศสมาชิกนาโต้ที่เป็นกันชนกับประเทศรัสเซียแล้ว จะเห็นว่ามี 3 ประเทศทางเหนือของยูเครนที่ไม่มีกำลังรถถังและเครื่องบินอยู่ในกองทัพเลย อาจเป็นด้วยเหตุผลนี้ด้วยกระมั่งจึงทำให้สหรัฐอเมริกาได้ส่งกองกำลังจากกองพลทหารราบพลร่มที่ 173 ซึ่งมีที่ตั้งอยู่ในประเทศอิตาลี เข้าไปยังประเทศโปแลนด์ ลิทัวเนีย ลัทเวีย และแอสโทเนีย ประเทศละ 1 กองร้อย รวมแล้วราว 600 นาย
เพื่อทำการซ้อมรบด้วยกระสุนจริงร่วมกับทหารของประเทศดังกล่าว ราวหนึ่งเดือน จากนั้นหมุนเวียนกับกองร้อยอื่นๆของสหรัฐที่จะเข้ามาทดแทน

ประเทศยูเครนนั้นเคยสมัครเป็นสมาชิกนาโต้ในปี 2008 แต่ไม่ผ่านมติของรัฐสภายูเครนในปี 2010 แม้กระนั้นก็ตามประเทศยูเครนก็ยังคงความสัมพันธ์กับนาโต้ในฐานะประเทศผู้ให้ความร่วมมือกับนาโต้ (partnership) ดังนั้นการรุกรานของรัสเซียจึงยังไม่ถึงเป็นการรุกรานประเทศสมาชิกนาโต้ แต่นาโต้ก็สามารถพิจารณาช่วยเหลือประเทศ partnership ได้ ซึ่งหากองค์กรนาโต้พิจารณาแล้วว่าการรุกรานยูเครนของรัสเซียเป็นภัยคุกคามต่อนาโต้ และประกาศสงครามกับรัสเซีย ก็หมายความว่าประเทศสมาชิกนาโต้ทั้ง 28 ประเทศต้องร่วมมือกันรบกับรัสเซีย ตามกฏบัตรข้อที่ 5 ของสนธิสัญญานาโต้

มาดูประเทศสมาชิกองค์กรกลุ่มสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ – นาโต้ (North Atlantic Treaty Organization – NATO) กันว่ามีประเทศใดบ้าง

นับว่ารัฐสภาของยูเครนตัดสินใจผิดพลาดในปี 2010 ที่ไม่ผ่านวาระการเป็นสมาชิกภาพนาโต้ มิฉะนั้นรัสเซียก็คงไม่กล้ารุกรานยึดพื้นที่บางส่วนของประเทศยูเครน แต่ผลของสถานการณ์ยูเครนนี้ทำให้ประเทศสวีเดนซึ่งเป็นประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ได้เริ่มส่งสัญญาณขอเข้าร่วมกับองค์กรกลุ่มสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ – นาโต้แล้ว (North Atlantic Treaty Organization – NATO) แล้ว

สำหรับรัสเซียเองก็คงจะไม่รุกคืบหน้ามากไปกว่านี้ คงยึดครองแค่ไครเมียของยูเครนเพื่อรอโอกาสดำเนินตามแผนที่วางไว้ เพราะหากรุกมากไปกว่านี้อาจมีการปะทะ อีกทั้งอาจจะต้องเผชิญหน้ากับกลุ่มสนธิสัญญานาโต้ ซึ่งรัสเซียก็ยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะมั่นใจได้ว่าจะชนะได้


กรณีการรุกรานยูเครนนี้ ต้นตอของสาเหตุจริงๆ ก็มาจากการคอรับชั่นของรัฐบาลยูเครนเอง และลุกลามใหญ่โตจนสูญเสียพื้นที่ของประเทศ ช่างดูคล้ายๆ กับสถานการณ์บ้านเมืองของไทยในขณะนี้อย่างยิ่ง แต่ผมคิดว่าประเทศไทยจะไม่เหมือนประเทศยูเครนอย่างแน่นอน พวกทรราช กลุ่มผู้คิดคตทรยศต่อชาติ ต้องพ่ายแพ้ มิอาจแบ่งแยกชาติไทย ผมเชื่อเช่นนั้น






1 comment: