แต่เดิมประเทศจีนมีหน่วยงานที่ทำหน้าที่ลาดตระเวนชายฝั่งทั้งหมด
5
องค์กรด้วยกัน
เพราะมันเป็นประเพณีในระบอบเผด็จการคอมมิวนิสต์ที่จะมีองค์กรด้านรักษาความปลอดภัยมากกว่าหนึ่งองค์กรทำหน้าที่คล้ายกัน
ทั้งนี้เพื่อให้แต่ละองค์กรเฝ้าจับตาดูซึ่งกันและกัน
เพื่อสร้างความภักดี
หน่วยงานเหล่านั้นถูกเรียกกันว่า
5
มังกร
ซึ่งประกอบไปด้วย
- หน่วยยามฝั่ง (China Coast Guard - CCG) ขี้นกับกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ
- เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทางทะเล (Maritime Safety Administration - MSA) ขึ้นกับกระทรวงการขนส่ง
- หน่วยเฝ้าระวังท้องทะเล (China Marine Surveillance – CMS) ขึ้นกับกระทรวงธรณีและทรัพยากร
- ตำรวจประมง (Fisheries Law Enforcement Command - FLEC) ขึ้นกับกระทรวงเกษตร
- หน่วยศุลกากร (Customs) ขึ้นกับฝ่ายบริหารทั่วไปงานศุลกากร
ในช่วงต้นปีเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
ประเทศจีนได้ประกาศยุบรวมหน่วยลาดตระเวณทางทะเลทั้ง
5
หน่วยเพื่อสร้างกองกำลังลาดตระเวณชายฝั่ง(CCG)เหล่านี้ให้ทำหน้าที่คล้ายเป็นตำรวจทะเล
(China
Sea Police)
โดยให้หน่วยเฝ้าระวังท้องทะเล
(CMS)
เข้าไปดำเนินงานของหน่วยยามฝั่ง(CCG)
อีกทั้งยุบองค์กรอื่นเข้ามารวมด้วย
หน่วยยามชายฝั่ง(CCG)ใหม่นี้จะอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของฝ่ายบริหารมหาสมุทรแห่งชาติ
(State
Oceanic Administration)
การที่ให้หน่วยเฝ้าระวังท้องทะเล(CMS)
เข้าไปดำเนินงานของหน่วยยามฝั่ง
ก็เพราะหน่วย CMS
เป็นองค์กรที่ใหญ่และเข้มแข็ง
หน่วยนี้ก่อตั้งในปี
1998
มีหน้าที่รับผิดชอบท้องทะเลที่จีนประกาศครอบครองเป็นพื้นที่กว้างถึง
3ล้านตารางกิโลเมตร
หน่วย CMS
มีกำลังพลราว
7,000
นาย
มีเครื่องบินและเฮลิคอปเตอร์ราว
10
ลำ
มีเรือลาดตระเวณประมาณ
300
ลำและมากกว่า
30
ลำเป็นเรือที่มีขนาดระวางขับน้ำมากกว่า
1,000ตัน
กองเรือของ CMS
ประกอบไปด้วยเรือพิฆาต
และเรืออื่นที่เคยอยู่ในกองทัพเรือจีน
จีนจะใช้หน่วยยามชายฝั่งนี้เข้าไปลาดตระเวณตรวจตราท้องน้ำที่จีนประกาศครอบครองในคาบสมุทรทะเลจีนใต้แทนที่จะส่งกองทัพเรือเข้าไป
นับเป็นเทคนิคด้านกลยุทธ์อันชาญฉลาดของจีน
เพราะหน่วยยามฝั่งใหม่นี้ทำหน้าที่เสมือนตำรวจ
(แต่มีอาวุธยุทโธปกรณ์ขีดความสามรถระดับทหาร)
ดังนั้นหากประเทศคู่พิพาทใดส่งกองทัพออกมา
หน่วยซุปเปอร์ยามฝั่งเหล่านี้ก็สามารถเรียกกองทัพของตนมาสนับสนุน
และทำการประท้วงคู่กรณีได้
คราวนี้ก็ต้องคอยจับตาดูบริเวณท้องทะเลที่เป็นกรณีพิพาทกับระหว่างจีนกับประเทศอื่นๆ
ว่าอุณหภูมิต้องร้อนระอุขึ้นเรื่อยๆ
เป็นแน่แท้
No comments:
Post a Comment